Thursday, June 25, 2009

ไมเคิล แจ็คสัน


ประวัติ

ไมเคิล แจ็กสัน เริ่มต้นอาชีพนักดนตรีในฐานะนักร้องนำของวง The Jackson 5 เมื่ออายุได้เพียง 7 ปี และได้ออกงานเดี่ยวชิ้นแรกในอัลบั้ม Got to Be There ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2514 ในขณะที่ยังเป็นสมาชิกของวง The Jackson 5 อยู่และมีอายุเพียง 11 ปี ไมเคิล แจ็กสันก็สามารถคว้าอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงมาครองได้มากถึง 3 เพลงฮิตแล้ว
ปี พ.ศ. 2522 มีผลงานออกมาชุด “ Off the Wall ” อัลบั้มเปิดตัวที่ทำยอดขายกว่า 20 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลกตามด้วยอัลบั้มประวัติศาสตร์ “ Thriller ”(พ.ศ. 2525) ซึ่งเป็นเจ้าของสถิติอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาลถึง 60 ล้านชุด และ “ Bad ” ในปี พ.ศ. 2530 ที่สร้างสถิติอีกครั้งด้วยการเป็นอัลบั้มที่มีซิงเกิ้ลต่าง ๆ ขึ้นถึงอันดับ 1 บิลบอร์ดมากที่สุด
ปี พ.ศ. 2534 ไมเคิลกลับมาพร้อมกับอัลบั้ม “ Dangerous ” ที่มีเพลง “ Black or White ” ติดอันดับ 1 ทั้งในบิลบอร์ดและชาร์ตเพลงทั่วโลก ก่อนที่จะส่งอัลบั้ม “ History ” กับเพลง “ You’re Not Alone ” ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกในประวัติศาสตร์ที่ติดอันดับ 1 ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย และล่าสุดกับ “ Invincible ” (พ.ศ. 2544) ซึ่งทิ้งห่างจากงานชุดที่แล้วถึง 10 ปีเต็ม
หลังจากว่างเว้นจากการทัวร์คอนเสิร์ตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 ไมเคิลได้ประกาศจัดคอนเสิร์ต ดิส อิส อิทโอทู อารีนา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยแรกเริ่มจัดเพียง 10 รอบ แต่ด้วยแฟนเพลงที่ให้ความสนใจคอนเสิร์ตนี้เป็นอย่างมาก จึงได้เพิ่มรอบเป็น 50 รอบ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ถึง 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

คอนเสิร์ตในประเทศไทย

ไมเคิล แจ็กสัน เป็นที่รู้จักของคนไทยส่วนหนึ่งขึ้นมาจากมีชื่อถูกอ้างถึงในเพลง ทับหลัง ของคาราบาว ในปี พ.ศ. 2531 ที่มีเนื้อร้องในท่อนแยกว่า "เอาไมเคิล แจ็กสันคืนไป เอาพระนารายณ์คืนมา" ซึ่งเป็นบทเพลงที่ได้รับความนิยมจากกระแสเรียกร้องทวงคืนทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์จากสหรัฐอเมริกา

เคยเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทย 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในกลางปี พ.ศ. 2536 เป็นการโปรโมตปิดอัลบั้ม Dangerous กำหนดการแสดง 2 รอบ ในวันที่ 21 สิงหาคม และ 22 สิงหาคม ที่สนามศุภชลาศัย โดยทางบริษัท เทโรเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เป็นผู้จัด ซึ่งก่อนการแสดงได้มีการโปรโมตทางช่อง 3 เป็นรายการพิเศษเกี่ยวกับไมเคิล แจ็กสัน มี เมทินี กิ่งโพยม เป็นพิธีกร โดยออกอากาศในช่วงเที่ยงของวันเสาร์-อาทิตย์ อยู่นานนับเดือน

คอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตที่ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากชาว ไทย และกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ช่วงหนึ่ง ถึงความเหมาะสมของการจัดแสดง เพราะบางส่วนเห็นท่าเต้นลูบเป้าของไมเคิลไม่เหมาะสมต่อวัฒนธรรมไทยและเมื่อ เดินทางมาถึง ไมเคิลได้แต่งตัวแปลก ๆ เมื่อลงจากเครื่องบินส่วนตัวด้วยผ้าปิดหน้า โดยเจ้าตัวอ้างว่าได้ยินว่ากรุงเทพ ฯ มีควันไอเสียเยอะ ซึ่งส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการแสดงเห็นว่าเป็นการแสดงออกที่ดูถูกประเทศไทย อีกทั้งต้องใช้ไฟฟ้าเป็น จำนวนมากในการแสดง และราคาบัตรที่เข้าชมก็นับว่าแพงมากด้วย คือ 500, 800, 1,000, 1,500 และ 2,500 บาท โดยคอนเสิร์ตวันแรกจบลงด้วยดี แต่ในวันที่ 22 สิงหาคม ไมเคิล อ้างว่าป่วย ขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 23 สิงหาคม แต่เมื่อมาถึงก็ขอเลื่อนไปอีก สร้างความไม่พอใจแก่แฟน ๆ จนเกิดเป็นจลาจลย่อย ๆ หน้าสนาม ซึ่งต้องใช้เทปเสียงของเจ้าตัวมาเปิดยืนยันว่าป่วยจริง ๆ ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 24 สิงหาคม อีกที คราวนี้เมื่อถึงวันที่ 24 สิงหาคมจริง ๆ ก็สามารถจัดการแสดงได้และจบลงด้วยดี ซึ่งปรากฏการณ์คอนเสิร์ตในครั้งนี้นับเป็นการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ของนักร้อง ชาวต่างประเทศระดับโลกครั้งแรกของไทย และต่อมาก็ได้มีศิลปิน นักร้องต่างประเทศทยอยเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทยเรื่อย ๆ ตราบจนปัจจุบัน ซึ่งหลังจากเดินทางออกจากประเทศไทยแล้ว ไมเคิลก็ได้เดินทางต่อไปยังประเทศบรูไน เพื่อเปิดแสดงคอนเสิร์ตที่นั่น โดยมีสุลต่าลบรูไนเป็นผู้จัดและเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี

ครั้งที่ 2 คือ ในกลางปี พ.ศ. 2538 เป็นการโปรโมตอัลบั้ม History จัดแสดงที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี แสดง 2 รอบอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้ไม่ได้รับความสนใจเท่าครั้งแรก

ในปี พ.ศ. 2542 ไมเคิลได้เผยว่า จะมีการจัดแสดง คอนเสิร์ตรอบพิเศษ โดยจะจัดแสดงทั่วอเมริกาเพียง 10 ที่ ซึ่งตัวไมเคิล เอง อยากจะแสดงและโชว์อีกครั้ง แต่ในการแสดง แต่ในการแสดงอาจจะมีการเปิด เทป ในการแสดงเป็นบางช่วง เพราะตัว ไมเคิล เองอาจร้องไม่ไหว และ การเต้น อาจจะ ไม่สนุก เหมือน ครั้งที่ผ่านมา เพราะ ไมเคิล มีอายุถึง48ปี ในการแสดงครั้งนี้จะเปิดการแสดงในชุด Jackson 5 ซึ่งมีการรวมตัวเหล่าพี่น้องของ ไมเคิล ในการแสดงจะมีเพลง แค่ 16 เพลง ในชุด Jackson 5 จะมี 6 เพลงและเพลงของไมเคิลเอง 10 เพลง คือ You Are Not Alone, Heal the World, Billie Jean, Man in the Mirror, Will You Be There, Black or White, Beat It, Stanger in Moscow, Rock with You และ Bad และจะจัดขึ้นทั่วโลกในปี พ.ศ. 2552 เพียง 9 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, อิตาลี, เสปน, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฝรั่งเศส รวมถึงประเทศไทยด้วย ในราคาค่าตัวสำหรับการเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตถึง 20,000,000 ปอนด์ หรือ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 650,000,000 บาท คอนเสิร์ตจะจัดขึ้นในประเทศไทยที่ สนามศุภลาศัย ที่จุคนได้ถึง 70,000 คน โดยคาดว่าค่าบัตรเข้าชมจะมีราคา 1000, 2,000, 3,000, 4,000 บาท โดยประมาณ ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551 ไมเคิล แจ๊กสันแล้ว พี่น้องเขาให้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อได้ปรากฏตัวอีกครั้งในรูปแบบ คอนเสิร์ตเต็มที่ และทำให้ นักข่าวตกตะลึง เมื่อ สถานที่แสดง ศิลปินวงอื่น ๆ ยังสามารถ ทำได้เพียง 50,000 คน เท่านั้น แต่ในที่นี้ไมเคิล ได้ทำลายสถิติ ทั้งหมด เพียง1ครั้งเท่านั้น โดยมีผู้ชม ถึง 125,000 คน เลยทีเดียวถือว่า ประวัติศาสตร์ ได้จารึกแล้วเพลง ตำนานที่ไม่ถูกลืมเลยที่เดียว


ชีวิตส่วนตัวและเรื่องอื้อฉาว

ไมเคิล แจ็กสัน ถูกมองว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ชอบทำตัวให้เด่นดังและเป็นข่าวอยู่เสมอ ๆ โดยใช้ชีวิตบนความหรูหรา โอเวอร์เกินคนธรรมดา เช่น คฤหาสถ์ส่วนตัวใช้ชื่อว่า "Never Land" โดยตั้งชื่อให้เหมือนกับดินแดนในเทพนิยายเรื่อง ปีเตอร์แพน ซึ่งในนั้นมีเครื่องเล่นเหมือนสวนสนุกอยู่จำนวนมาก อีกทั้งยังชอบเลี้ยงดูอุปถัมภ์เด็ก ๆ จำนวนมากเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งได้มีการตีความทางจิตวิทยาว่า ตัวไมเคิลเองมีนิสัยเหมือนเด็กที่ไม่ยอมโต

นอกจากนั้นไมเคิลยังมีชีวิตที่แปลกพิศดาร เช่น มักแต่งตัวแปลก ๆ อย่างตอนเดินทางมาถึงประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2536 หรือเคยมีผู้พบว่าไมเคิลแต่งตัวเป็นผู้หญิงในห้องน้ำหญิงสาธารณะ หรือการที่เปลี่ยนสีผิวตัวเองด้วยวิทยาการทางการแพทย์จากผิวดำให้เป็นขาวซีดอย่างในปัจจุบัน หรือการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าด้วยซิลิโคนหลายต่อหลายครั้ง

เมื่อต้นปี พ.ศ. 2537 ไมเคิลได้สร้างประหลาดใจให้แก่แฟน ๆ เมื่อจู่ ๆ ประกาศหมั้นและแต่งงานกับ ลิซ่า มารี เพรสลีย์ บุตรสาวของเอลวิส เพรสลีย์อย่างกระทันหัน โดยทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามี ภรรยา ก่อนจะเลิกรากันไปในปี พ.ศ. 2539 โดยไม่มีบุตรด้วยกัน (ภายหลังไมเคิลมีบุตร 2 คนจากการผสมเทียมกับเด็บบี้ โรวว์ พยาบาลสาวใหญ่ และมีเพิ่มอีก 1 คนจากสาวผู้ไม่เปิดเผยนาม ด้วยการผสมเทียมเช่นเดียวกัน)

ไมเคิลมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเด็กมากมาย มักปรากฏข่าวถึงการลวนลามทางเพศกับเด็กผู้ชายเสมอ ๆ โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2548 ไมเคิลต้องขึ้นศาลฟังคำพิพากษาเลยทีเดียว เมื่อมีคดีข่มขืนเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ปรากฏว่าศาลพิพากษาให้รอดพ้นไป รวมทั้งเคยอุ้มลูกของตัวเองซึ่งยังเป็นทารกอยู่โดยทำท่าว่าจะทิ้งลงมาจากหน้าต่างโรงแรมที่เจ้าตัวอาศัยอยู่ เพื่อทักทายแฟน ๆ ที่รออยู่ข้างล่าง จนได้รับเสียงตำหนิต่อว่าอย่างหนักจากสังคม เป็นต้น

 

ผลงานอัลบั้ม


  • พ.ศ. 2514 Got to Be There
  • พ.ศ. 2515 Ben
  • พ.ศ. 2515 A Collection of Michael Jackson's Oldies
  • พ.ศ. 2516 Music and Me
  • พ.ศ. 2518 Forever, Michael
  • พ.ศ. 2522 Off the Wall
  • พ.ศ. 2524 One Day in Your Life
  • พ.ศ. 2525 Thriller
  • พ.ศ. 2527 Farewell My Summer Love
  • พ.ศ. 2530 Bad
  • พ.ศ. 2534 Dangerous
  • พ.ศ. 2538 HIStory - Past, Present and Future - Book I
  • พ.ศ. 2540 Blood on the Dance Floor: HIStory in the Mix
  • พ.ศ. 2544 Invincible
  • พ.ศ. 2544 Greatest Hits - HIStory Volume I
  • พ.ศ. 2546 Number Ones
  • พ.ศ. 2547 Michael Jackson: The Ultimate Collection
  • พ.ศ. 2548 The Essential Michael Jackson


โฉมหน้า ไมเคิล แจ็คสัน ตอนไม่ทำศัลยกรรม

ไมเคิล แจ็คสัน

โอโห!! โฉมหน้า "ไมเคิล แจ็คสัน" ตอนอายุ 50 ... แบบ "ไม่ทำศัลยกรรม" เป็นอย่างนี้นี่เอง

          ครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นและยินข่าวคราวเกี่ยวกับการ "ไมเคิล แจ็คสัน" ราชาเพลงป็อป ซึ่งเพิ่งมีอายุครบ 50 ปี วันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก็คือสภาพที่เขานั่งอยู่บนรถเข็น สวมหมวกแก็ปสีแดง แว่นตากันแดด และผ้าปิดปาก ผิวพรรณเหมือนกำลังจะลอกออก และนิ้วมือกลายเป็นสีเหลืองน้ำตาลน่ากลัว นอกจากนี้ จมูกซิลิโคนของเข้าก็ดูเหมือนกำลังทะลุออกจากผิวหน้า ซึ่งจนถึงทุกวันนี้เราก็ยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ว่า "ไมเคิล" ป่วยเป็นโรคอะไร (ขณะที่เจ้าตัวพยายามปฏิเสธว่ายังปกติดี แต่ที่ต้องปิดหน้าปิดตาและนั่งรถเข็น เป็นเพราะต้องการความเป็นส่วนตัวก็ตาม?!?)

        
ไมเคิล แจ็คสัน

"ไมเคิล" นั่งบนรถเข็น แถมปิดหน้าปิดตา


          แต่ที่เรารู้แน่ๆ... ก็คือ "ไมเคิล" เริ่มทำศัลยกรรมครั้งแรกตั้งแต่ปี 1984 หรือเมื่อประมาณ 24 ปีก่อน โดยเริ่มจากการทำจมูก การสักรอบดวงตา จากนั้นก็ทำให้ผิวขาวขึ้นเรื่อยๆ เสริมจมูก ทำสีปาก ปรับโครงสร้างของใบหน้าอีกหลายครั้งตลอด 26 ปี จนไม่หลงเหลือเค้าเดิมอีกต่อไป และเริ่มดูน่ากลัวมากขึ้นทุกที

          เชื่อว่า หลายคนคงเคยสงสัยว่า... ถ้า "ไมเคิล" ไม่ทำศัลยกรรม หน้าตาของเขาจะเป็นอย่างไรตอนนี้ จะแย่กว่าหรือดีกว่าที่ "เป็นอยู่" ตอนนี้หรือเปล่า ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพ จึงได้นำภาพของไมเคิลก่อนทำศัลยกรรมไปปรับแต่งเพื่อให้ได้ภาพที่คาดว่า "เหมือน" ไมเคิลในวัย 50 ปี (หากเขาไม่ได้ทำศัลยกรรม) มากที่สุด ... ซึ่งออกมาเป็นอย่างนี้ !!


ไมเคิล แจ็คสัน

ใบหน้า "ไมเคิล" ที่ถูกปรับโดยผู้เชี่ยวชาญ และ ใบหน้า "ไมเคิล" ปัจจุบัน
          มีรายงานข่าวจาก "เว็บไซต์เดลี่ เมล์" ว่า ตอนนี้ไมเคิลและลูก 3 คนใช้เวลาส่วนใหญ่ในลาส เวกัส สหรัฐอเมริกา มีบอดีการ์ดติดตามตัวทุกที่ทุกเวลา เขาต้องนั่งรถเข็นตลอด และดูเหมือนร่างกายจะบอบบางลงทุกที ขณะที่อาชีพนักร้องของไมเคิลก็เหมือนกลายเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว เพราะตอนนี้เขาแทบไม่มีใจจะทำอะไรอีกต่อไป โดยที่มีหนี้สินท่วมตัว !!! 

          หรือว่านี่จะเป็นการปิดฉากอย่างน่าเศร้าของ...ราชาเพลงป็อป


ไมเคิล แจ็คสัน


ปี 1982
ไมเคิล แจ็คสัน


ปี 1983
ไมเคิล แจ็คสัน


ปี 1988
ไมเคิล แจ็คสัน


ปี 1991
ไมเคิล แจ็คสัน
ปี 1996
ไมเคิล แจ็คสัน


ปี 2001
ไมเคิล แจ็คสัน
ปี 2008
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

โดย : พิงค์สเกิร์ต
ภาพ : เดลี่ เมล์ และ เดอะซัน 

0 comments:

Post a Comment

 

sanookde Copyright © 2009 Girlymagz is Designed by Bie Girl Vector by Ipietoon