คุณ ผู้หญิงเคยรู้สึกงงๆ บ้างไหม เวลาที่คุณต้องอ่านฉลากแจกแจงราย-ละเอียดที่ติดอยู่บนขวดหรือกระปุกบรรจุ ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามอันเป็นอมตะของผู้หญิงเรา คุณคงจะเคยนึกสงสัยบ้างว่า ครีมข้นๆ หรือน้ำใสๆ มหัศจรรย์พวกนี้ ปรุงแต่งมาจากวัตถุดิบหรือสารอะไรกัน สรรพคุณก็บรรยายเสียมากมาย แต่ทำไมเราไม่เข้าใจเลย
คุณ ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกพิศวง งงงวยกับป้ายหรือฉลากพวกนั้นหรอก ถ้าคุณไม่ได้จบปริญญาสาขาเคมีมา คุณก็คงจะเป็นงงเหมือนกับคนอื่นๆ อีกมากมาย สาเหตุนั้นก็เป็นเพราะว่า การผลิตเครื่องสำอาง ทุกวันนี้ได้ขยับเข้าใกล้วิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีชั ้น สูงเข้าไปทุกที ตัวอย่าง เช่น บริษัทลอรีอัล ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเครื่องสำอางของฝรั่งเศส มีนักวิทยาศาสตร์ประจำการอยู่ตามศูนย์ทดลองของบริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และจีน รวมแล้วกว่า 2,000 คน เป็นต้น
เนื่อง จากยังไม่มีข้อบังคับหรือข้อตกลงระดับนานาชาติใดๆ ที่จะกำกับดูแลและสั่งการกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอ างได้ ว่าคำศัพท์คำใดใช้ได้หรือคำใด ใช้ไม่ได้ ดังนั้น คำศัพท์ยากๆ ที่คุณเห็นแล้วเป็นงงนั้น บางครั้งก็ไม่ได้มีความ-หมายอะไรมากมาย หากเป็นเพียงลูกไม้ของบริษัทผลิตเครื่องสำอางท ี่เลือกใช้คำให้หวือหวา เพราะต้องการให้ลูกค้ารู้สึกทึ่งและประทับใจเท่านั้น เอง
คำที่เห็นกันบ่อยๆ แต่อาจจะเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้างเพื่อเป็นความรู้ให้กับคุณๆ ดังต่อไปนี้
Antioxidant
รังสี จากดวงอาทิตย์ผสมกับมลพิษต่างๆ ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ (free ra-dicals) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่โลดแล่นได้อย่างเสรีในร่างกายเราแ ละทำอันตรายต่อเซลล์ของ เรา ด้วยเหตุนี้บริษัทเครื่องสำอางจึงต้องเติม สารต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนตี้ออกซิแดนท์ เข้าไปในเครื่อง-สำอางเพื่อช่วยต่อสู้กับศัตรูตัวร้ายเหล่านั้น ตัวอย่าง วิตามินหรือสารต่างๆที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี ไลโคปีน (lycopene) หรือกรดอัลฟ่า ลิโปอิค (alpha lipoic acid) เป็นต้น สารเหล่านี้บางชนิดก็สังเคราะห์ในห้องแล็บได้ บางชนิดก็สกัดได้จากพืช เช่น จากชาเขียว เชอร์รี่ องุ่น เมล็ดแอปเปิ้ล ฯลฯ
Clinically proven
หมายถึง ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้ว คลินิก ที่ว่าก็อยู่ในห้องแล็บของบริษัทเครื่องสำอางนั่นเอง ถึงอย่างไรเครื่องสำอางทุกตัวก็ต้องผ่านการทดสอบจากห ้องแล็บของบริษัทผู้ ผลิต ก่อนที่จะนำออกวางจำหน่ายอยู่แล้ว คำว่า proven ในที่นี้จึงไม่ได้มีความหมายพิเศษ อะไร แต่ประการใด
Non-comedogenic
โค มีโดน (Comedone) เป็นศัพท์ทางสาขาวิชาโรคผิวหนัง หมายถึงรูขุมขนอุดตัน หรือสิวหัวดำ ถ้าผลิตภัณฑ์ใดระบุว่า Non-comedogenic หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดรูขุมขนอุ ดตันได้
Dermatologist-tested
หมาย ความว่า ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการทดสอบจากแ พทย์ผิวหนังแล้ว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องแปลว่าแพทย์ผู้ทดสอบเห็นด้วยหรือใ ห้การรับรองผลิตภัณฑ์ ตัวนี้เสมอไป
Hypo-allergenic
หมายถึง มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ได้น้อย แต่ไม่ได้หมาย-ความว่าจะไม่ทำให้แพ้เลย ถ้าผิวของคุณมักเกิดอาการแพ้ได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า Hypo-allergenic ก็คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
Peptides
เพปไทด์เป็นสายสั้นๆ ของ กรดอะมิโน (amino acids) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของโปรตีน เพปไทด์แต่ละชนิดทำหน้าที่แตก-ต่างกันไป หน้าที่อย่างหนึ่งก็คือ “การส่งสัญญาณ” เพ ปไทด์บางชนิดสามารถทำหน้าที่ส่งสัญญาณกระตุ้นเซลล์ผิ วหนังให้ผลิตคอลลาเจน เพิ่มขึ้น เมื่อผิวหนังผลิตคอล-ลาเจนมากขึ้น ผิวก็จะแข็งแรง แน่น กระชับ และดูอ่อนเยาว์ขึ้น เพปไทด์ในครีมบำรุงผิวก็มีหน้าที่กระตุ้นให้ผิวสร้าง คอลลาเจนนั่นเอง
Broad spectrum
พบ ได้ในผลิตภัณฑ์กันแดด ฉลากที่ระบุคำว่า Broad spectrum มีความหมายว่า ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB ทำให้ผิวไหม้ได้) และรังสียูวีเอ (UVA ทำให้ผิวมีริ้วรอยเ่ยวย่น) ผลิตภัณฑ์ กันแดดที่ติดฉลากว่า SPF (Sun Protection Factor) จะช่วยกันรังสียูวีบี ค่า SPF ยิ่งสูง ก็ยิ่งปกป้องได้มากขึ้น ส่วนคำว่า PA++ จะช่วยกันรังสี ยูวีอ ยิ่งมีเครื่องหมาย + หลายตัว ก็ยิ่งปกป้องได้มากขึ้น ผลิตภัณฑ์กันแดดที่ระบุทั้ง SPF และ PA ก็คือ Broad spectrum นั่นเอง
Oil-Free
คำ ว่า oil-free ที่เห็นกันบ่อยๆหมายความว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศ-จากน้ำมันทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันที่ได้จากแร่ธาตุ พืช หรือสัตว์ น้ำมันที่อยู่ในเครื่องสำอางอาจจะอุดตันรูขุมขนและก่ อให้เกิดอาการระคาย เคืองได้ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ออยล์ฟรีจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับ ผู้มีปัญหาข้อนี้.
0 comments:
Post a Comment