Tuesday, July 14, 2009

รองเท้าแฟชั่น แฟชั่นเกาหลี สีสันสดใส

















ที่มา:webboard.yenta4.com
............................................................
Continue Reading...

วิธีง่าย ๆ ช่วยถนอมพลังงานแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊ค


วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยถนอมพลังงานแบตเตอรี่ของ Notebook ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP ให้สามารถใช้งานได้นานขึ้น ไม่หมดเร็วเกินไปนั้น (กรณีนี้แบตเตอรี่ต้องไม่เก่า หรือเสื่อมสภาพแล้วนะครับ) มีเทคนิค 7 ข้อซึ่งน่าจะช่วยคุณได้ ลองนำไปปฏิบัติดูนะครับ

1.ตรวจสอบแบตเตอรี่ที่ใช้ว่ายังคงสามารถชาร์จพลังงานได้เต็มหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนของการทดสอบโดยทั่วไป ให้ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อน (ดูจาก Power Meter ใน Power Options) จากนั้นปิด Notebook ถอดแบตเตอรี่ออก เพื่อทดสอบว่ายังสามารถชาร์จประจุได้เต็มหรือไม่ โดยมองหาปุ่มที่ใช้ทดสอบที่อยู่บนแบตเตอรี่ ซึ่งบางรุ่นก็จะมีส่วนแสดงผลเล็ก ๆ ให้สังเกตได้ง่าย ทั้งนี้จะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่ของผู้ผลิตแต่ละเจ้า

2.ถ้าไม่จำเป็นต้องออนไลน์กับเครือข่ายใด ๆ แนะนำให้ออฟไลน์จะดีกว่า (ยกเลิก (disable) การเชื่อมต่อกับเครือข่าย) การเชื่อมต่อเครือข่ายตลอดเวลาจะทำให้ Notebook ต้องใช้พลังงานมากกว่าปรกติ

3.ถอดอุปกรณ์ USB ออกจากพอร์ต เมื่อไม่ได้ใช้งาน

4.ยกเลิกโพรเซสแบ็กกราวนด์ที่ไม่จำเป็นออกให้หมด อย่างเช่น Rnaap ซึ่งถูกโหลดตอนไดอัลอัพ และค้างอยู่ในหน่วยความจำ หรือ Msmsgs.exe กรณีที่คุณไม่ได้ใช้ Microsoft Messenger เป็นต้น แต่ห้ามยกเลิกโพรเซสของซอฟต์แวร์

ไฟร์วอล หรือแอนตี้ไวรัส เพราะจะทำให้ระบบของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง นอกจากนี้ยังห้ามลบโพรเซสที่สำคัญของ Windows XP ซึ่งได้แก่ Explorer.exe, LSASS.EXE, services.exe, System และ WINLOGON.EXE ส่วนวิธีกำจัดโพรเซสที่ไม่จำเป็นให้เรียกโปรแกรม Task Manager (กดปุ่ม Ctrl-Alt-Del) แล้วคลิกแท็บ Processes เลือกโพรเซสที่ต้องการลบออกจากหน่วยความจำ คลิกปุ่ม End Process
5.เปลี่ยน Screensaver เป็น “Blank Screen” เพราะไม่จำเป็นเลยที่คุณต้องเสียพลังงานเพื่อแสดงภาพดอกไม้ไฟ ตู้ปลา ฯลฯ

6.ไม่ควรกำหนดให้ซอฟต์แวร์สแกนระบบโดยสมบูรณ์ขณะที่ไม่ได้เสียบปลั๊ก เพราะจะทำให้พลังงานของแบตเตอรี่หมดเร็วจนน่าใจหาย (กรณีของการสแกนหา

สปายแวร์ด้วย)
7.สำคัญที่สุดคือ เมื่อเวลาที่ Notebook ไม่อยู่ในระหว่างการใช้งาน แนะนำให้ชัตดาวน์ระบบ หรืออาจจะเข้าโหมดสแตนด์บาย (standby) หรือไฮเบอร์เนต (hibernate) จะดีกว่าการเปิดเครื่องทิ้งไว้เฉย ๆ
เชื่อว่าหากปฏิบัติตามเทคนิคง่าย ๆ ทั้ง 7 ข้อนี้แล้ว คุณจะสามารถใช้พลังงานจากแบตเตอรี่บน Notebook ได้นานขึ้น ไม่ต้องชาร์จบ่อยเหมือนแต่ก่อน ลองไปทำดูนะครับ สำหรับวิธียืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ แนะนำให้ใช้พลังงานจาก

แบตเตอรี่ให้หมดทุกครั้ง แล้วจึงชาร์จใหม่จนเต็ม และเมื่อเต็มแล้วก็ควรใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แทนการเสียบปลั๊กต่อเนื่องเป็น เวลานาน ๆ เพราะแบตเตอรี่จะเสื่อมเร็วครับ


ที่มา:ohozaa.com
...........................................................................
Continue Reading...

อยากรู้อยู่ที่ไหนใช้ Google Maps



คงไม่มีใครไม่ทราบว่า ขณะนี้คุณกำลังอยู่ที่ใดในโลกใบนี้ แต่ถ้าคุณไม่ทราบจริงๆ คุณสามารถใช้บริการแผนที่ของกูเกิ้ล (Google Maps) ช่วยบอกตำแหน่งที่คุณยืนอยู่ได้ผ่านบริการใหม่ทีมีชื่อว่า “My Location”

ปัจจุบัน ผู้ใช้บริการ Google Maps ผ่านคอมพิวเตอร์สามารถทราบตำแหน่งที่ตนเองอยู่ในขณะนั้นได้เช่นเดียวกับผู้ ใช้มือถือแล้ว โดยเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา กูเกิ้ลได้ประกาศอัพเดตบริการ Google Maps ด้วยการเพิ่มไอคอนใหม่ (ปุ่มสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีวงกลมอยู่ภายใน) ของบริการที่มีชื่อว่า My Location ซึ่งจะปักหมุด (pinpoint) ให้คุณทราบได้ว่า ตำแหน่งของคุณในแผนทีคือตรงไหนกันแน่

“เมื่อคุณเข้าไปใช้บริการ Google Maps ผ่านทางบราวเซอร์ที่สนับสนุน คุณจะพบปุ่มใหม่ My Location ปรากฎอยู่มุมบนซ้ายของแผนที่ และเพียงแค่คลิ้กบนปุ่มนี้ ตำแหน่งที่คุณอยู่(โดยประมาณ)จะปรากฎขึ้นกลางแผนที่ทันที” Steve Block วิศวกรซอฟท์แวร์ และ Noam Ben Haim ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ได้ร่วมกันโพสต์คำอธิบายไว้ในบล็อกของกูเกิ้ล “ถ้าตำแหน่งที่คุณอยู่ บริการสามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำเพียงพอ มันจะแสดงวงกลมสีน้ำเงิน เช่นเดียวกับที่ปรากฎใน Google Maps บนมือถือ” และเมื่อคุณคลิ้กปุ่มเป็นครั้งที่สอง จุดที่แสดงดำแหน่งของคุณในแผนที่จะหายไป

อย่างไรก็ตาม ทางกูเกิ้ลให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ดังนั้นทางบริษัทยืนยันว่า ตำแหน่งของผู้ใช้จะไม่ถูกนำไปใช้ในการอื่น หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้บริการ และ Google Maps จะไม่มีการบันทึกตำแหน่งของผู้ใช้แต่อย่างใด แต่อย่าลืมว่า การใช้บริการออนไลน์ใดๆ ก็ตาม จะต้องมีการเปิดเผย IP ซึ่งข้อมูลนี้เองทีใช้ในการระบุตำแหน่งของผู้ใช้ได้ ซึ่งความจริงแล้ว ข้อมูลบอกตำแหน่งในลักษณะนี้ ยังน่าเป็นกังวลน้อยกว่าข้อมูลวันเกิด และสถานที่เกิดที่คุณโพสต์ไว้ในเว็บโซเชียลต่างๆ เสียอีก โดยข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ผู้ที่เข้าไปดูได้สามารถค้นหาข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อีกมากมาย

Google Maps ใช้ W3C Geolocation API ที่สนับสนุนการทำงานใน Firefox 3.5 และ Google Chrome 2.0 รวมถึงบราวเซอร์ตัวอื่นๆ ทีใช้ปลั๊กอิน Gears โดย API ตัวนี้จะสามารถคำนวณตำแหน่งของผู้ใช้ผ่านทาง Wi-Fi ที่อยู่ใกล้ ถ้าไม่พบข้อมูลดังกล่าว API จะใช้แค่หมายเลข IP เพียงอย่างเดียว ซึ่งจะมีความถูกต้องแม่นยำน้อยกว่า

ที่มา http://www.arip.co.th/

...........................................................................
Continue Reading...

ผู้ใช้บ่น Palm Pre ไม่มีคีย์บอร์ดบนจอ?


รายงานข่าวชิ้นนี้น่าปวดหัวดีเหมือนกัน เมื่อเจ้าของมือถือ Palm Pre บ่นกันขรมว่า สมาร์ทโฟนของพวกเขา ไม่ยักจะมีคีย์บอร์ดระบบสัมผัสบนหน้าจอแสดงผล (onscreen keyboard) ซึ่งรายงานดังกล่าวมาจากผลการศึกษาวิจัยของบริษัท Strategy Analytics ที่ได้มีการเปิดเผยออกมาเมื่อวานนี้
ทั้งๆ ที่ Palm Pre สามารถเลื่อนคีย์บอร์ด QWERTY ที่สามารถตอบสนองการกดได้ดีกว่า iPhone ที่มีคีย์บอร์ดบนหน้าจอเพียงอย่างเดียว แต่ผู้ใช้หลายคนได้แสดงความคิดเห็นออกมาว่า ต้องการซอฟต์แวร์คีย์บอร์ดบนจอแบบ iPhone ของ Apple ด้วย แทนที่จะให้พวกเขาไม่มีทางเลือกในการใช้งาน โดยต้องใช้คีย์บอร์ดที่เป็นฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว “ความคิดเห็นดังกล่าวมาจากกลุ่มผู้ใช้ที่เลือก Pre เพราะมีคีย์บอร์ดที่เป็นฮาร์ดแวร์ด้วย” Paul Brown นักวิเคราะห์จาก Strategy Analytics กล่าว โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า “แม้ผู้ใช้จะชอบคีย์บอร์ด QWERTY ที่เป็นฮาร์ดแวร์ แต่กลับไม่ชอบที่จะต้องเลื่อนมันออกมาทุกครั้งที่ต้องการพิมพ์ข้อความ บางอย่าง” อย่างไรก็ตาม คำเรียกร้องดังกล่าวของผู้ใช้ ไม่ใช่เรืองง่ายนักสำหรับ Palm Pre ที่ออกแบบตัวเครื่อง และ WebOS ภายใต้สมมติฐานการทำงานด้วยคีย์บอร์ดฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะพื้นที่บนหน้าจอที่จะใส่อะไรเพิ่มเข้าไปได้ค่อนข้างลำบาก
ทางด้าน Apple มองว่า การใช้คีย์บอร์ดเสมือน หรือซอฟท์คีย์บนหน้าจอเพียงอย่างเดียวเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่าง ยิ่ง มันทำให้ iPhone สามารถเปลียนคีย์บอร์ดให้ทำงานในภาษาอื่นได้ในเครื่องเดียว แถมยังสามารถอัพเดตคุณสมบัติการทำงานใหม่ๆ เข้าไปได้ โดยไม่ต้องแก้ไขฮาร์ดแวร์ให้วุ่นวาย ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องมานั่งจำวิธีกดสอง ปุ่ม เพื่อสร้างอักขระพิเศษ
นอกจากปัญหาเรื่องคีย์บอร์ดแล้ว Strategy Analytics ยังพบอีกด้วยว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่ประทับใจองค์ประกอบการทำงานอื่นๆ ของ Pre ด้วย ซึ่งรวมถึงคอนเซปต์การใช้งานแบบหลายงาน (multitasking) ที่เหมือนพีซี และแอพพลิเคชันอย่าง Synergy ที่สามารถรวมข้อมูลรายชื่อบุคคลที่ติดต่อด้วยจากมือถือ เชื่อมโยงกับ Facebook และ Google ตลอดจน Calendar และแอพพลิเคชันอื่นๆ ทำให้การสืบค้นข้อมูลที่เกียวข้องกับแต่ละบุคคลที่เราติดต่อด้วยทำได้ง่าย และสะดวกมาก
ที่มา  http://www.arip.co.th

...........................................................................
Continue Reading...

กูเกิลโชว์แผน "Google Chrome OS" ลุยระบบปฏิบัติการสำหรับพีซี

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2552 17:18 น.
นอกจากจะมีเบราเซอร์ Chrome กำลังจะมีระบบปฏิบัติการ Google Chrome OS แล้ว
       หลังจากเปิดตัวระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์ พกพา กูเกิล (Google) ประกาศว่ากำลังพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในขณะนี้ เท่ากับการเป็นคู่แข่งระหว่างกูเกิลและไมโครซอฟท์ (Microsoft) จะทวีความเข้มข้นขึ้นอีกในอนาคต
      
       กูเกิลแถลงว่าระบบปฏิบัติการของกูเกิลจะมีพื้นฐานอยู่บนเว็บเบรา เซอร์ "โครม (Chrome)" ใช้ชื่อเรียกในขณะนี้ว่า Google Chrome OS โดยจะสร้างด้วยชุดคำสั่งมาตรฐานเปิด กลุ่มเป้าหมายสำคัญคือคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊ก (คอมพิวเตอร์พกพาตัวเล็กที่มีราคาต่ำกว่า คุณสมบัติน้อยกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า และขนาดเล็กกว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก)
      
       กู เกิลระบุว่าต้องการคิดใหม่ว่าระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่แท้จริงควรจะเป็น อย่างไร โดยคาดว่าคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊กระบบปฏิบัติการกูเกิลจะสามารถเริ่มวางตลาดได้ ในช่วงกลางปีหน้า
      
       จุดสำคัญที่กูเกิลจะพัฒนาให้ Google Chrome OS คือความเร็ว ความง่าย และความปลอดภัย โดยกูเกิลยืนยันว่าจะพัฒนาให้ระบบปฏิบัติการสามารถทำงานได้เร็วและไม่กิน ทรัพยากรมาก ตั้งเป้าว่าจะพัฒนาให้เครื่องสามารถเริ่มทำงานและเปิดเว็บเพจบนโลกออนไลน์ ได้ใน 2-3 วินาที
      
       กูเกิลบอกว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้มาจากแนวคิดที่ว่า คอมพิวเตอร์จำเป็นต้องดีกว่านี้
      
       "เพราะ ผู้บริโภคต้องการให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้เร็วเหมือนตอนแรกที่ซื้อมา พวกเขาต้องการเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตได้แบบทันที ซึ่งตอนนี้ เราต้องการความช่วยเหลือจากสังคมโอเพ่นซอร์สอย่างมากในการทำให้วิสัยทัศน์ นี้ประสบความสำเร็จ"
      
       กูเกิลยืนยันว่า Google Chrome OS จะเป็นคนละส่วนกับระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่นามแอนดรอยด์ (Android) ไม่ระบุรายละเอีอยดทีมนักพัฒนา แต่เชื่อว่ามีจุดยืนใกล้เคียงกัน
      
       "Google Chrome OS ถูกสร้างเพื่อคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโลกออนไลน์ และถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการจัดการพลังงานทุกระดับในเครื่อง คอมพิวเตอร์ ตั้งแต่เน็ตบุ๊กขนาดเล็กจนถึงคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเต็มรูปแบบ ที่สำคัญ การสร้างแอปพลิเคชันบนอินเทอร์เน็ตจะไม่ต้องถูกจำกัดเพราะมาตรฐานของระบบ ปฏิบัติการอีกต่อไป"
      
       ..งานนี้สนุกแน่..
...........................................................................
Continue Reading...

"จตุจักร" มีมากกว่าช้อปปิ้ง


หากพูดถึง "เขตจตุจักร" ภาพของตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดนัดชื่อก้องโลก ที่มากมายสารพัดสารพันไปด้วยสินค้าต่างๆนานาคงลอยเด่นขึ้นมาในใจของใครหลาย คน โดยเพราะขาช้อปทั้งหลาย

แต่หากพินิจพิเคราะห์ดูให้ดีจะพบว่าเขตจตุจักรน่าจะนับได้ว่าเป็นเขต แห่งสวนสาธารณะก็ว่าได้ เพราะเขตนี้มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ถึงสามแห่งด้วยกัน นับเป็นหนึ่งในเขตปอดเมืองกรุงที่น่าสนใจไม่น้อยเลย นอกจากนี้เขตจตุจักรยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ให้ผู้สนใจเที่ยวกันเพลินไปเลย

แต่ก่อนที่จะไปตะลุยเที่ยวเขตจตุจักร ฉันว่าเรามารู้จักชื่อของเขตจตุจักรกันก่อนดีกว่า ชื่อนี้เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหมายถึง สี่รอบราศี เพราะสวนจตุจักรนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในปีที่พระองค์ทรงมีพระ ชนมพรรษาครบ 4 รอบ โดยแต่เดิมนั้นเขตจตุจักรเคยเป็นแขวงลาดยาว ส่วนหนึ่งของเขตบางเขนมาก่อน ก่อนที่จะแยกตัวออกมาเป็นเขตจตุจักรอย่างในปัจจุบัน



ส่วนสวนสาธารณะขนาดใหญ่สามแห่งที่ฉันกล่าวไว้ตอนต้น ก็เริ่มตั้งแต่ "สวนจตุจักร" สวน รุ่นพี่ขาใหญ่ในย่านนี้เพราะสร้างขึ้นเป็นสวนสาธารณะก่อนที่อื่น โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินเพื่อก่อสร้างสวนสาธารณะตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 4 รอบ อีกทั้งพระราชทานชื่อสวนไว้ว่า "สวนจตุจักร" และเปิดให้บริการประชาชนเมื่อปี 2523

พื้นที่ 190 ไร่ของสวนจตุจักรนั้นเป็นประกอบไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ไม้ดอกไม้ประดับ นาฬิกาดอกไม้ สระน้ำคดเคี้ยว สะพานคดโค้ง จักรยานน้ำไว้ให้ถีบจู๋จี๋กัน และนอกจากนั้นก็ยังมีประติมากรรมในสวนอาเซียน ซึ่งเป็นผลงานจากศิลปินชั้นนำในประเทศอาเซียน ได้แก่บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย

ในรั้วเดียวกันกับสวนจตุจักรนี้ ก็ยังมี "หอเกียรติภูมิรถไฟ" ที่ผู้หลงใหลรถไฟไม่ควรพลาด เพราะมีเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับรถไฟหลายอย่างให้ได้ชมกัน ทั้งรถจักรไอน้ำ หมายเลข 10089 ที่เป็นรถจักรไอน้ำรุ่นสุดท้ายที่บริษัทเกียวซานโกเกียวในญี่ปุ่นสร้างขึ้น ก่อนเลิกกิจการเพราะหมดยุคไอน้ำเมื่อสามสิบปีก่อน มีรถจักรไอน้ำสูงเนิน ที่ทำหน้าที่ขนฟืนขนน้ำจากป่ามาให้ขบวนรถไฟลากจูงด้วยรถจักรไอน้ำใช้ที่ สถานีสูงเนินกลางดงพญาไฟในอดีต อีกทั้งยังมีตู้รถไฟที่ลากจูงคันแรก คือ "รถ ร.พ." ซึ่งเป็นตู้รถไฟไม้สักทองที่นับได้ว่าเก่าที่สุดในประเทศไทยที่พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ให้ออกแบบเป็นรถพยาบาลหลังแรกของไทย



สวนรถไฟ สวนยอดนิยมในเขตจตุจักร
และยังมีตู้รถไฟที่เรียกว่าเป็นรถจัดเฉพาะ เช่น รถ จ.พ. รถจัดเฉพาะพยาบาล รถ จ.ขจก. ตู้รถที่บรรทุกทหารที่จะไปปราบปรามโจรก่อการร้าย รวมทั้งมี รถจ.ล.ย. ตู้รถจัดเฉพาะลำไย ที่เอาไว้จัดส่งลำไยอีกด้วย ส่วนด้านในพิพิธภัณฑ์ก็มี "หอเกียรติภูมิยานยนต์ พีระ-เจ้าดาราทอง" มีรถยนต์เก่าแก่อย่างรถเฟี๊ยตโทโปลิโน่ รถดัทสันบลูเบิร์ด และสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ อีกมากมาย

จากสวนจตุจักรข้ามถนนกำแพงเพชร 3 มาที่ "สวนวชิรเบญจทัศ" หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "สวนรถไฟ" หรือในอดีตเคยเป็นสนามกอล์ฟของการรถไฟแห่งประเทศไทยมาก่อน ก่อนที่จะจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ 375 ไร่ ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์โดยทั่วกันในปี 2545

สวนรถไฟวันนี้ถือเป็นสวนยอดนิยมที่สุดในย่านจตุจักร เพราะความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่มากมาย มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมกันได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่สนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก สนามกีฬา ลานแอโรบิก สระน้ำสำหรับพายเรือแคนู เส้นทางจักรยานให้ขี่กินลมพร้อมร้านเช่าจักรยานให้เลือกหลายร้าน มีเมืองจราจรจำลองสำหรับเป็นสถานที่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้กฎจราจรและฝึกการใช้จักรยานอย่างถูกต้อง และพื้นที่กว้างขวางสำหรับออกกำลังกันกายได้ทุกรูปแบบ



ชมผีเสื้อสวยๆ ได้ในอุทยานผีเสื้อและแมลงฯ
และด้วยความที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ทำให้บริเวณสวนนี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกหลายชนิด และกลายเป็นสถานที่สำหรับการดูนกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ไปด้วยเช่นกัน

ในรั้วของสวนรถไฟนี้ ยังเป็นที่ตั้งของ "อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพ" สถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่เรียนรู้ทางธรรมชาติ ที่เหมาะสำหรับเด็กๆ เพราะจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับโลกของผีเสื้อและแมลงต่างๆ ทั้งเรื่องการกำเนิดผีเสื้อ และแมลง สายใยในระบบนิเวศ ความสำคัญของแมลงและความสัมพันธ์ในระบบนิเวศ

และไฮไลท์ของที่นี่ก็คือการได้มาชมผีเสื้อนับร้อยที่บินกันให้ว่อน อยู่ในกรงจัดแสดงผีเสื้อ ซึ่งเป็นกรงตาข่ายขนาดใหญ่ที่มีการจัดสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับธรรมชาติ โดยมีทั้งบ่อน้ำ ลำธาร น้ำตก ต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้ผีเสื้อเหล่านี้อยู่กันอย่างมีความสุข และคนที่ได้มาชมก็รู้สึกมีความสุขตามไปด้วย



สวนป่ากลางกรุง ในสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
และสวนอีกแห่งหนึ่งที่มีรั้วติดกันกับสวนรถไฟ ก็คือ "สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์" พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยอีกเช่นกัน โดยที่ดินจำนวน 208 ไร่นี้ได้น้อมเกล้าฯ ถวายในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ

สวนสมเด็จพระนางเจ้าฯนี้มีความโดดเด่นตรงที่เป็นสวนป่ากลางกรุง เพราะได้รวบรวมและอนุรักษ์พันธุ์ไม้ ทั้งในและต่างประเทศเอาไว้มากมาย ถือเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย และยังมีการรวบรวมพันธุ์ไม้ในพระนาม "ควีนสิริกิติ์" เอาไว้อย่างครบถ้วนอีกด้วย

และหากใครจูงลูกจูงหลานมาที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าฯ นี้แล้ว ก็อย่าลืมแวะไปที่ "พิพิธภัณฑ์เด็ก" ในรั้วเดียวกัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่น่าเบื่อเหมือนที่ใครๆคิด เพราะเขาตั้งใจทำมาให้ดึงดูดความสนใจจากเด็กๆ และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้เราลงมือทำด้วยตนเอง หรือที่เรียกว่า Edutainment ซึ่งก็แบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ชีวิตของเรา ที่จำลองตัวอสุจิเลเซอร์วิ่งเข้าไปในไข่ของแม่ และมีการจำลองที่นั่งภายในครรภ์เอาไว้ให้เด็กๆ ได้กลับคืนสู่ท้องแม่อีกครั้ง



มีส่วนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และเครื่องเล่นต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ เช่น ท่อลมส่งจดหมาย ฟองสบู่ยักษ์ที่ถูกดึงขึ้นมาครอบตัวเด็กๆได้ทั้งตัว และเครื่องเล่นอื่นๆ อีกมากมาย ห้องเกี่ยวกับเทคโนโลยี ให้ความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าการทำงานของเครื่องยนต์ต่างๆ บางห้องจัดเป็นบรรยากาศชนบท จัดแสดงเครื่องแต่งกาย และมีภาษาถิ่นสำคัญให้ฟังผ่านหูฟัง

นอกจากนั้นที่พิพิธภัณฑ์เด็กยังยังมีการจำลองอาชีพต่างๆ ไว้ให้เด็กๆได้ลองเรียนรู้ เช่น คลินิกฟ้าใส ให้เด็กๆได้ทดลองเป็นพยาบาลและคุณหมอทำฟัน และที่ตะวันยิ้มมินิมาร์ท เด็กๆ ก็สามารถมาฝึกขายของเผื่อในอนาคตจะมีกิจการเป็นของตัวเองด้วยก็ได้ หรือถ้าอยากเล่นกลางแจ้งก็มีลานสันทนาการให้ออกกำลังกันกับพีระมิดตาข่าย มุมนักขุด และเครื่องเล่นต่างๆ อีกมากมาย

หมดเรื่องสวนทั้งหมดทั้งมวลนี้แล้ว แต่เขตจตุจักรยังไม่หมดของดี เพราะฉันยังไม่ได้พูดถึง "ตลาดนัดสวนจตุจักร" ที่แต่เดิมนั้นเคยเป็นตลาดนัดสนามหลวง แต่ได้ย้ายสถานที่มาอยู่ในย่านจตุจักรนี้เมื่อปี 2525 และได้กลายเป็นตลาดนัดแห่งสำคัญที่กินเนสส์บุ๊ค เวิลด์ ออฟ เร็คคอร์ด บันทึกไว้ว่าเป็น "ตลาดนัดใหญ่ที่สุดในโลก" มีพื้นที่ขนาดใหญ่ราว 70 ไร่ มีแผงขายของนับหมื่นแผง ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ตลาดนัดนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาเดินเลือก ซื้อสินค้ากัน



เลือกซื้อต้นไม้และสินค้าหลากหลายได้ในตลาดนัดสวนจตุจักร
สินค้าที่ว่านั้นก็มีขายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นและเครื่องประดับทุกแบบทุกแนว ของตกแต่งบ้านหลากหลายสไตล์ ของตกแต่งสวนทั้งน้ำพุ หิน อ่างปลาต่างๆ สัตว์เลี้ยงอย่างหมา แมว กระต่าย ปลา และสัตว์แปลกอย่างกิ้งก่า เม่น งู ฯลฯ อาหารสำเร็จรูปและอาหารแห้ง ต้นไม้ใบไม้และอุปกรณ์ทำสวน หนังสือเก่า และอีกหลากหลายประเภทสินค้า ที่หากอยากจะเดินดูให้ทั่วทุกซอกมุมก็คงต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันแน่นอน

แต่หากใครอยากเดินตลาดสด ที่ "ตลาด อตก." ที่ อยู่ติดกับตลาดนัดจตุจักรนั้นก็มีสินค้าอาหารสดให้เลือกซื้อกัน ทั้งเนื้อสัตว์ผลไม้ อาหารสำเร็จรูปก็มีให้ซื้อกลับไปกินที่บ้านได้เช่นกัน รวมไปถึงขนมไทยต่างๆ ด้วย โดยในตลาดนี้ก็มีทั้งของถูกของแพง ก็ต้องใช้ฝีมือในการเลือกและฝีปากในการต่อรองช่วยในการซื้อด้วย

หากใครยังมีเวลาเหลือหลังจากที่เดินเที่ยวจนครบทุกแห่งข้างต้นมาแล้ว จะแวะไปชม "พิพิธภัณฑ์อัยการ" ที่มีหนังสือกฎหมายเก่า จดหมายเหตุสำนวนคดีสำคัญในอดีต และอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ หรือจะเป็น "พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย" ที่มีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเงินการธนาคารของชาติ วิวัฒนาการเงินตรา วิวัฒนาการธนาคาร เป็นต้น โดยจัดแสดงแบบมัลติมีเดียทันสมัย ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง

และนี่ก็คือเสน่ห์ของเขตจตุจักรที่ไม่ได้มีดีแค่ช้อปปิ้งเท่านั้น


ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์
............................................................
Continue Reading...

วิธีลืมคนรัก



ใครที่เพิ่งจะผิดหวังกับความรัก และอยากจะลืมคนรัก วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีลืมคนรักมาฝาก...

- นึกว่าเหตุที่ต้องลืมเขาเพราะอะไร คงไม่ใช่ส่วนดีของเขาแน่ ๆ

- หลังจากนั้นให้พยายามย้ำความคิดนั้น เพื่อจะไม่ให้เกิดความ อาลัยอาวรณ์เขามากไป

- พยายามหลีกเลี่ยงการเจอเขาแบบตัวต่อตัว เพราะเกิดเขาเผลอมาทำดีกับเรา เราจะยิ่งไขว่เขว แต่ถ้าเขามากับแฟน จะดีมาก จะได้ช้ำทีเดียว

- หลีกเลี่ยงไปซ้ำที่เดิม ๆ ที่เคยไปกับเขา

- หากิจกรรมที่ต่างจากเมื่อคบเขา เช่น เขาและเราชอบฟังเพลง ป๊อบ ให้เปลี่ยนใหม่ มาฟังเพลงร็อกแทน

- อย่าทำให้ตัวเองว่าง ให้อยู่กับเพื่อน ๆ เข้าไว้ จะเป็นช่วงหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้น จะสามารถอยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องห่วง

- ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่นลงเรียนเพิ่ม ไปเรียนทำขนม ไปเรียนร้องเพลง ฯลฯ จะได้มีโอกาสเจอเพื่อน ๆใหม่ด้วย

- อย่านั่งมองท้องฟ้าตอนเย็น ๆ เพราะมันจะเหงามาก เคยมีคนพบว่าบรรยากาศตอนเย็นคนจะอยากฆ่าตัวตายมากที่สุด

- อย่านั่งมองฝนตก เหมือนถ่ายมิวสิกวีดีโอ เพราะจะยิ่งทำให้อยากร้องไห้

- อย่าหาเรื่องกินจนอ้วน เพราะมันจะทำให้คุณหมดความมั่นใจไปกว่าเดิม

ใครที่อยากลืมคนรักได้เร็ว ๆ ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้.


ที่มา: เดลินิวส์

............................................................
Continue Reading...

ใครชอบวางรองเท้าไว้นอกบ้าน....โปรดระวัง




































............................................................
Continue Reading...

สำรวจ "หน้ากากอนามัย" เลือกแบบไหนป้องกันได้ตรงใจ


หน้ากากอนามัยกลายเป็นสินค้าขายดีขึ้นมา ทันทีในหมู่คนไทย เมื่อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่กำลังแพร่กระจายไปในกลุ่มคนจำนวนมากขึ้น แต่หน้ากากอนามัยไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียว และหลายคนเชื่อว่าหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันได้ ขณะที่บางคนอาจสงสัยว่าจะช่วยป้องกันเชื้อโรคได้มากน้อยแค่ไหนกันเชียว

ในช่วงระหว่างวันที่ 22-28 มิ.ย.52 นี้ กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้เป็นสัปดาห์แห่งการรณรงค์การใช้หน้ากากอนามัยใน โรงพยาบาล เพื่อรณรงค์ให้ผู้ป่วยโรคติดต่อทางเดินหายใจสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อมา ติดต่อกับโรงพยาบาล และส่งเสริมให้บุคคลากรในโรงพยาบาล เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนในการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรค ติดต่อทางเดินหายใจ ซึ่งองค์การอนามัยโลกระบุว่า การใส่หน้ากากอนามัยจะช่วยลดการแพร่กระจายของละอองเล็กๆ จากการไอจามที่มีเชื้อโรคอยู่ ได้ถึงร้อยละ 80

หน้ากากอนามัยสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาหรือร้านชายเวชภัณฑ์ทั่วไป ซึ่งบางร้านอาจมีจำหน่ายเพียงชนิดเดียว ขณะที่บางร้านอาจมีให้เลือกมากมายหลายชนิด ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ จึงได้ลงพื้นที่สำรวจหน้ากากอนามัยในร้านขายยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พบว่าร้านค้าส่วนใหญ่จะจำหน่ายหน้ากากอนามัยชนิดที่ทำจากเยื่อกระดาษ 3 ชั้น และหน้ากากอนามัยที่ผลิตจากผ้าฝ้าย และมีบางร้าน เช่น ร้านขายยาขององค์การเภสัชกรรม และร้านมงกุฎเวชภัณฑ์ ที่จำหน่ายหน้ากากอนามัยแบบ N95 ด้วย

หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้น มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นได้ดี สามารถป้องกันของเหลวซึมผ่านได้ ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากการไอหรือจาม ซึ่งหน้ากากอนามัยประเภทนี้ อาจ สามารถป้องกันผู้สวมใส่จากเชื้อโรคได้ในจำพวกเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา แต่หากเป็นเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากในระดับไมครอน อาจจะไม่สามารถป้องกันได้ และไม่ควรมีการนำมาใช้ซ้ำ ควรเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทุกวัน โดยมีราคาชิ้นละประมาณ 5 บาท

หน้ากากอนามัยที่ผลิตจากผ้าฝ้าย เน้นใช้สำหรับป้องกันฝุ่นละออง และป้องกันการกระจายของน้ำมูกหรือน้ำลายจากการไอจาม แต่อาจไม่สามารถกรองเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากๆ ได้เช่นเดียวกับหน้ากากอนามัยกระดาษ และสามารถซักทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยราคาประมาณชิ้นละ 5-10 บาท

หน้ากากอนามัยชนิด N95 เป็นหน้ากากอนามัยที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด เพราะป้องกันได้ทั้งฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน และมีอายุการใช้งานนานประมาณ 3 สัปดาห์ แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ทุกวัน ราคาชิ้นละประมาณ 30-50 บาท

สำหรับหน้ากากป้องกันมลพิษ สามารถป้องกันฝุ่นละออง ควันพิษ ไอเสียรถยนต์ และไอระเหยของสารเคมีต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทว่าไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ ฉะนั้นจึงไม่เหมาะที่จะนำมาสวมใส่เพื่อป้องกันโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ

เมื่อหน้ากากอนามัยในท้องตลาดมีให้เลือกมากมายเช่นนี้ ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ จึงได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกไวรัสสัตว์สู่คน ซึ่งบอกว่า หน้ากากอนามัยสามารถช่วยป้องกันเชื้อโรคได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากขอบของหน้ากากอนามัยทั่วไป (หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้น/หน้ากากผ่าตัด หรือ surgical mask) ยังไม่มิดชิดเข้ากับผิวหน้าของผู้สวมใส่ เชื้อโรคจึงสามารถเล็ดลอดผ่านบริเวณดังกล่าวได้ ทั้งนี้ หน้ากากอนามัยแบบN95 ถือว่ามีความมิดชิดมากที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมใหม่อย่าง เครื่องกรองอากาศแบบสอดจมูก ซึ่งฉีกไปจากหน้ากากอนามัยรูปแบบเดิม เพราะมีขนาดเล็กที่สามารถสอดเข้ากับรูจมูกได้โดยตรง แถมผู้ผลิตยังให้ข้อมูลว่ามีระบบฟิลเตอร์นาโน (Nano Filter) ที่สามารถกรองฝุ่นละอองและยับยั้งเชื้อโรคในอากาศชนิดต่างๆ ได้ทั้งเชื้อราและเชื้อไวรัส โดยมีราคาประมาณ 3 ชิ้น 50 บาท และอายุการใช้งานนานประมาณ 40-50 ชั่วโมง ซึ่ง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ บอกว่า ถ้าจะใช้ป้องกันเชื้อโรคอาจได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากเชื้อโรคยังสามารถเข้าทางปากได้ ทางที่ดีจึงควรปิดทั้งปากและจมูก

ที่สำคัญการ สวมใส่หน้ากากอนามัยสำหรับผู้ป่วยโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ สามารถช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากการไอจามได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นผู้ที่ป่วยหรือไม่สบายจึงควรสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นอย่างยิ่ง และควรเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทุกวัน ไม่ควรใช้ซ้ำของเดิม และก่อนการสวมใส่หรือถอดหน้ากากอนามัยนั้นควรล้างมือให้สะอาดก่อนทุกครั้ง เนื่องจากมือของเราสัมผัสกับสิ่งต่างๆ มากมาย จึงเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคจำนวนมาก

ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า หน้ากากอนามัยประเภทไหนป้องกันเชื้อโรคขนาดเล็กได้กี่ไมครอน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ชี้ว่าควรจะมีหน่วยงานกลางตรวจสอบและให้การรับรองด้วย เช่นเดียวกับยาทากันยุง ที่ต้องตรวจสอบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันยุงเข้าใกล้ได้ในระยะกี่เมตร และนานกี่ชั่วโมง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม โรค ไข้หวัดใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มของโรคติดเชื้อที่เกิดจากการหายใจเอาอนุภาคที่ติด เชื้อเข้าไป โดยอนุภาคที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อนี้มีขนาดใหญ่กว่า 5 ไมครอน และเมื่อผู้ป่วยไอหรือจามออกมาอนุภาคมักกระจายไปในระยะไม่เกิน 3 ฟุต (Droplet precautions) ฉะนั้นเชื้อไวรัสส่วนใหญ่จึงมักปนเปื้อนมากกับละอองน้ำมูกหรือน้ำลายของผู้ ป่วย ซึ่งหน้ากากอนามัยทั่วไปสามารถป้องกันละอองเหล่านี้ได้

ส่วนโรคติดเชื้ออื่นๆ ที่เกิดจากการหายใจเอาอนุภาคที่ติดเชื้อเข้าไป โดยอนุภาคที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อนี้มีขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอน เช่น วัณโรค และ โรคทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน (ซาร์ส) อนุภาคเหล่านี้สามารถฟุ้งกระจายไปได้ไกลและอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานาน (Airborne precautions) ซึ่งหน้ากากแบบ N95 จะสามารถช่วยป้องกันได้ แต่หน้ากากอนามัยทั่วไปอาจไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคในกลุ่มนี้ได้.


แหล่งข่าว: ผู้จัดการออนไลน์

............................................................
Continue Reading...

โรค ชิคุนกุนยา



"ชิคุนกุนยา" คืออะไร

"โรคชิคุนกุนยา" (Chikungunya) หรือ "โรคไข้ปวดข้อยุงลาย" ไม่ใช่โรคใหม่อะไรหรอกค่ะ แต่เป็นโรคที่อุบัติขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ.1955 โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวีปแอฟริกา ก่อนจะแพร่ระบาดไปหลายๆ ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ซึ่งผู้ที่บรรยายลักษณะของโรคชิคุนกุนยาเป็นคนแรกคือ Marion Robinson และ W.H.R. Lumsden

การแพร่เชื้อโรคชิคุนกุนยาในทวีปแอฟริกานั้น มี 2 วงจร คือชนิด "วงจรชนบท" คน-ยุง-ลิง ซึ่งมีการระบาดเป็นครั้งคราว ก่อนที่คนจะนำเชื้อชนิดนี้ออกมาสู่ชุมชนเมือง ทำให้เกิด "วงจรในเมือง" คน-ยุง กลายเป็นการแพร่ระบาดจากคนสู่คน โดยมียุงเป็นพาหะนั่นเอง

ส่วนในทวีปเอเชียวงจรที่พบคือ "วงจรในเมือง" มียุงลายเป็นพาหะนำเชื้อติดต่อไปสู่คนได้ โดยเกิดการแพร่ระบาดในทวีปเอเชียครั้งแรกที่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย ในปี ค.ศ.1963 ขณะที่ในประเทศไทยตรวจพบโรคชิคุนกุนยาครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2501 พร้อมๆ กับโรคไข้เลือดออกที่ระบาดเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย จากนั้นประเทศไทยก็ได้พบการแพร่ระบาดของโรคชิคุนกุนยามาทั้งหมด 6 ครั้ง คือในปี พ.ศ 2531 ที่จังหวัดสุรินทร์, ปี พ.ศ. 2534 พบที่จังหวัดขอนแก่น และปราจีนบุรี จากนั้นในปี พ.ศ.2536 พบว่ามีการระบาด 3 ครั้งที่จังหวัดเลย นครศรีธรรมราช และหนองคาย

ก่อนที่ล่าสุดจะพบการระบาดอีกครั้งในช่วงต้นปี 2552 ที่จังหวัดนราธิวาส ยะลา สงขลา และปัตตานี ส่งผลให้มีผู้ป่วยด้วยโรคชิคุนกุนยากว่า 5,596 รายแล้ว (ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552)

ที่มาของชื่อไวรัสชิคุนกุนยา

ชื่อของเชื้อไวรัสชิคุนกุนยานั้น มาจากคำในภาษา Makonde ซึ่งเป็นภาษาของชนพื้นเมืองในแอฟริกาที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ ประเทศแทนซาเนีย และทางตอนเหนือของประเทศโมแซมบิก โดยรากศัพท์พื้นเมืองเดิมเรียกว่า kungunvala ซึ่งมีความหมายเป็นภาษาอังกฤษว่า "That which bends up" สอดคล้องกับลักษณะอาการปวดข้อของโรคนี้

สาเหตุของโรคชิคุนกุนยา

โรคชิคุนกุนยาเกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา (Chikungunya virus) ซึ่งเป็น RNA Virus จัดอยู่ใน genus alphavirus และ family Togaviridae ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ดังนั้นจึงมักพบการระบาดในช่วงฤดูฝนที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะกับการเพาะพันธุ์ ของยุงลาย

การติดต่อของโรคชิคุนกุนยา

การติดต่อของโรคชิคุนกุนยาเกิดขึ้นเมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วย ที่อยู่ในระยะไข้สูง ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เชื้อไวรัสนั้นจะไปเพิ่มจำนวนมากขึ้นในตัวยุง และเมื่อยุงนั้นไปกัดคนอื่นต่อ ก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัด ทำให้เกิดการติดเชื้อโรคชิคุนกุนยาได้

ทั้งนี้โรคชิคุนกุนยามีระยะฟักตัว 1-12 วัน แต่ช่วง 2-3 วันจะพบบ่อยที่สุด ส่วนในช่วงวันที่ 2-4 จะเป็นช่วงที่มีไข้สูง มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก และสามารถติดต่อกันได้หากมียุงลายมากัดผู้ป่วยในช่วงนี้ และนำเชื้อไปแพร่ยังผู้อื่นต่อ

อาการของโรคชิคุนกุนยา

ผู้ที่เป็นโรคชิคุนกุนยาจะมีไข้สูงอย่างฉับพลัน ร่วมกับอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกหรือข้อ ปวดกระบอกตา หรือมีเลือดออกตามผิวหนัง และอาจมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งดูเผินๆ คล้ายกับโรคไข้เลือดออก หรือหัดเยอรมัน แต่จะไม่มีอาการรุนแรงจนถึงขั้นช็อก หรือเลือดออกมากเช่นโรคไข้เลือดออก

อย่างไรก็ตามโรคชิคุนกุนยาสามารถเป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่จะมีอาการรุนแรงกว่า คือมักจะมีอาการปวดข้อทั้งข้อมือ ข้อเท้า และเป็นข้ออักเสบตามมาด้วย ซึ่งมักจะเปลี่ยนตำแหน่งที่ปวดไปเรื่อยๆ บางครั้งมีอาการรุนแรงมากจนขยับข้อไม่ได้ แต่จะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ หรือบางคนอาจจะปวดเรื้อรังอยู่เป็นเดือนหรือเป็นปีก็ได้

การรักษาและป้องกันโรคชิคุนกุนยา

ทุกวันนี้ยังไม่มีวัคซีนสำหรับการรักษาและป้องกันโรคชิคุนกุนยา ดังนั้นการรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการ เช่น หากเป็นไข้ก็ให้ยาลดไข้ หรือหากปวดข้อก็ให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น แต่ล่าสุดได้มีผลการศึกษาวิจัยพบว่า ยาคลอโรควิน (Chloroquin) สามารถบรรเทาอาการที่เกิดจากโรคชิคุนกุนยาได้ผลดีเช่นกัน

ทั้งนี้วิธีที่จะสามารถป้องกันโรคชิคุนกุนยาได้ดีที่สุดก็คือ การกำจัดยุงลายอันเป็นตัวพาหะนำโรค โดยต้องหมั่นตรวจดูแหล่งน้ำภายในบ้าน เช่น บ่อ กะละมัง ชาม โอ่งน้ำ ตุ่ม ฯลฯ ควรหาฝาปิดให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ยุงมาวางไข่ หรือให้ใส่ทรายอะเบทในอัตรา 1 กรัมต่อน้ำ 10 ลิตร ลงไปในน้ำก็จะสามารถป้องกันการวางไข่ของยุงลายได้ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาฉีดพ่นหมอกควันตามอาคารบ้านเรือนที่ มีแหล่งน้ำขังอยู่ เพื่อเป็นการป้องกันและกำจัดลูกน้ำยุงลาย

นอกจากนี้ตัวเราเองก็ต้องป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด โดยการทายากันยุง หรือใช้สารไล่ยุง และสวมเสื้อผ้าที่ป้องกันไม่ให้ยุงกัด รวมทั้งยังต้องเฝ้าสังเกตอาการของคนรอบข้างว่ามีอาการใกล้เคียงกับโรคชิคุ นกุนยาหรือไม่ หากมีอาการคล้ายเคียงหรือต้องสงสัยให้รีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว


จะเห็นว่าแม้โรคชิคุนกุนยาจะไม่ทำอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทำให้คนป่วยได้รับความทุกข์ทรมาน และความรำคาญใจจากอาการปวดได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงควรป้องกัน และเตรียมพร้อมรับมือกับโรคชิคุนกุนยาไว้ก่อนจะดีที่สุดค่ะ

ที่มา:ijeed.com/
............................................................
Continue Reading...

ครบรอบ 40 ปี



หญิงชายคู่หนึ่งอยู่ด้วยกันมาจนครบ 40 ปี ในคืนแรกที่พวกเขาแต่งงานกัน
สามีบอกกับภรรยาว่า
"ฉันจะเก็บกล่องใบนี้ไว้ใต้เตียง เธอต้องสัญญานะว่า
จะไม่เปิดกล่องใบนี้ออกมาดู"

ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ภรรยาไม่เคยเปิดกล่องใบนี้ออกดูตามสัญญา
จนบ่ายวัน ครบรอบ 40 ปีของการแต่งงาน
ฝ่ายหญิงทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวจน
ต้องแกะกล่องปริศนาใบนั้นดู

ในกล่อง...เธอพบขวดเบียร์ว่างเปล่า 3 ขวด
พร้อมกับเศษแบงค์และเศษตังค์
นับรวมกันได้ 34,768.50 บาท เธอเก็บกล่องใบนั้นกลับไปที่เดิม
แต่ก็ยิ่งสงสัย

หนักเข้าไปใหญ่ว่าทำไมสามีเธอต้องเก็บของพวกนี้ไว้ในกล่องนั้นด้วย

คืนวันนั้น เขาและเธอออกไปฉลองครบรอบแต่งงาน ณ
ร้านอาหารอันสุดแสนจะ
โรแมนติค หลังอิ่มจากอาหารค่ำ ภรรยาวัยชราก็เอ่ยปากสารภาพ

"ขอโทษนะพ่อ แม่เปิดกล่องใบนั้นดูแล้ว แม่อดทนไม่ไหวจริง

พ่อบอกแม่ได้มั้ยจ๊ะว่าทำไมพ่อต้องเก็บขวดเปล่าไว้ในกล่องนั้นด้วย?"

ชายชราคิดอยู่ครู่นึงพร้อมสารภาพบ้างว่า

"หลังจากผ่านช่วงเวลาที่พิเศษสุดมาตลอด 40 ปี
พ่อว่าแม่ควรจะรู้
ความจริงวันนี้ซะที...
ทุกครั้งที่พ่อทำนอกใจแม่
พ่อจะใส่ขวดเบียร์เปล่าหนึ่งใบลงไปในกล่อง
เพื่อเตือนสติพ่อเองว่าจะไม่ทำเรื่องแย่ๆเหล่านั้นอีก"

หญิงชราช็อคกับคำตอบแต่ก็ได้ทอดถอนใจเอ่ยตอบไปว่า

"แม่ผิดหวังในตัวพ่อมากนะที่พ่อทำผิดแล้วยังปิดบังแม่มาตลอด
แต่ก็ยังดีที่ตลอด 40 ปีมานี่
พ่อแอบหนีไปเที่ยวแค่สามครั้ง..."

เหมือนยกภูเขาออกจากอก ทั้งสองน้ำตาไหลรินพร้อมโผเข้ากอดกัน
อย่างมีความสุข กอดกันได้ซักพักภรรยาก็เกิดเอะใจขึ้นมา

"ทำไมพ่อต้องเก็บเงินเยอะแยะไว้ในกล่องนั่นด้วยล่ะ"
"อ๋อ....พอกล่องมันเต็มเมื่อไหร่
พ่อก็เอาขวดไปขายสิจ๊ะ"


ที่มา:zabzaa.com
...................................................................
Continue Reading...

หมีแพนด้า สัตว์ที่กำลังสูญพันธุ์!


หมีแพนด้า(Giant panda)ซึ่งเป็นสัตว์ในสปีซี่ Ailuropoda อยู่ในไฟลั่ม Chordata และวงศ์ Ailuropodae ส่วนการจะจัดมันให้เป็นสัตว์ในจำพวกของหมีหรือแรคคูนขณะนี้ก็ยังเป็นที่ถก เถียงกันอยู่ สัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์ป่าสงวนซึ่งมีในประเทศจีนเพียงแห่งเดียวในโลก ปัจจุบันกำลังมีจำนวนลดน้อยลงจนกลายเป็นสัตว์ป่าหายาก มันเป็นสัตว์ประเภทหนึ่งในจำนวนไม่กี่ประเภทที่ไม่ค่อยได้มีผู้เห็นตัวจริง นัก เนื่องจากถิ่นที่อยู่อันเป็นป่าลึกและมีจำนวนอันน้อยนิด


ถึงเรื่องราวของแพนด้าจะปรากฎอยู่ในหลักฐานทางประวัติ ศาสตร์ของชาวจีนมากว่า 2,000 ปีแล้วก็ตาม แต่กว่าชาวโลกได้รู้จักมันเป็นครั้งแรกก็ต้องรอจนถึงปี พ.ศ.2412 โดยผ่านทางปากคำและบันทึกการสำรวจของฌ็อง ปิแอร์ อาร์มังด์ ดาวิด(มีชีวิตอยู่ในระหว่าง พ.ศ.2369 ถึง พ.ศ.2443)บาทหลวงนิกายเจซูอิดชาวฝรั่งเศส ผู้เดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อชักนำให้ผู้คนหันมานับถือศาสนาคริสต์นิกาย โรมัน คาธอลิค แต่ด้วยความสนใจในความเป็นไปของธรรมชาติอันหลากหลายได้ทำให้ท่านได้สนใจ ศึกษาเรื่องพันธุ์ไม้และพันธุ์สัตว์ป่าควบคู่ไปกับการสอนศาสนาด้วย


กระนั้น สิ่งที่ดาวิดได้เห็นก็หาใช่หมีแพนด้าที่มีชีวิตไม่ มันเป็นเพียงหนังหมีแพนด้าที่พรานชาวจีนนำมาให้ หลังจากดาวิดได้ศึกษาแล้วเขาก็ส่งต่อมาเก็บรักษาเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่ง ธรรมชาติวิทยาในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส ชาวตะวันตกคนแรกที่ได้เฝ้าสังเกตหมีแพนด้าอย่างมีชีวิตคือนักสัตววิทยาชาว เยอรมันชื่อว่าฮูโก้ ไวโกลด์ สมาชิกคนหนึ่งของคณะสำรวจชโตตซเนอร์ซึ่งเดินทางไปยังดินแดนของจีนและธิเบตใน ปี พ.ศ.2459 เขาและผู้ช่วยคือบุคคลกลุ่มแรกๆของโลกที่พยายามจะเลี้ยงแพนด้าเพื่อศึกษาให้ ได้ แต่ด้วยความละเอียดอ่อนทั้งในเรื่องอาหารการกินและการอยู่อาศัยของหมีเอง ทำให้ความพยายามของไวโกลด์ไม่สัมฤทธิ์ผลเพราะหมีชนิดนี้ไม่รอดชีวิตได้ในที่ กักขังที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากที่ที่มันเคยอยู่แต่ก่อน


ทั้งๆที่แพนด้าเป็นสัตว์รักสงบและไม่เป็นภัยต่อใครๆเลย ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของธีโอดอร์ จูเนียร์ และเคอร์มิตบุตรชายของธีโอดอร์ รูเซเวลท์ประธานาธิบดีสหรัฐฯทำให้พี่น้องคู่นี้เป็นมนุษย์ชาวตะวันตกคู่แรก ที่ได้ล่าและสังหารหมีแพนด้าในการออกป่าล่าสัตว์ในแถบตะวันตกของประเทศจีน ซึ่งสนับสนุนการเดินทางโดยพิพิธภัณฑ์สัตว์ป่าแห่งชิคาโก(Chicago’s Field Museum) และได้นำซากของมันมาสตัฟฟ์เพื่อตั้งแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ด้วย


แม้จะมีผู้รู้และเห็นแล้วว่ามีหมีแพนด้าอยู่จริงในโลกและมีในประเทศจีนเพียง แห่งเดียว แต่ชาวโลกส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีใครเลยที่เคยเห็นสัตว์ป่าอันแสนสวยงามน่ารักนี้ ในสถานที่นอกเหนือจากบ้านเกิดของมัน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2480 หลังจากที่ชาวตะวันตกได้ค้นพบหมีแพนด้ามาแล้ว 37 ปี รูธ ฮาร์คเนสส์ สตรีชาวอเมริกันก็คือผู้ที่สามารถจับหมีแพนด้าได้อย่างเป็นๆเป็นครั้งแรก แต่กว่าจะถึงคราวของรูธได้ชาวตะวันตกได้เดินทางไปยังถิ่นที่อยู่ของหมีชนิด นี้และพยายามจะเก็บตัวอย่างมาให้ได้ถึง 12 ครั้งโดยไม่สัมฤทธิ์ผล


ตั้งแต่ครั้งแรกๆแล้วที่ชาวตะวันตกได้ค้นพบหมีแพนด้า สาธารณชนก็มีความต้องการที่จะได้เห็นพวกมันในสวนสัตว์บ้าง เมื่อข่าวคราวของหมีชนิดนี้ได้ล่วงรู้ถึงหูของวิลเลี่ยม ฮาร์คเนสส์เศรษฐีนักล่องไพรชาวนิวยอร์คซึ่งเคยจับมังกรโคโมโดได้ในหมู่เกาะ ดัทช์ อีสท์ อินดีสมาส่งสวนสัตว์นิว ยอร์ค บร็องซ์ก็มีความต้องการจะนำหมีแพนด้าจากจีนมาเลี้ยงไว้ในสวนสัตว์ของประเทศ ตัวเองบ้าง


เขาแต่งงานกับนักออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชื่อรูธ แม็คคอมบ์สเมื่อปี พ.ศ.2477 แต่หลังจากแต่งงานได้เพียง 2 สัปดาห์ วิลเลี่ยม ฮาร์คเนสส์ก็ทิ้งภรรยาไว้ที่สหรัฐฯเพื่อเดินทางไปค้นหาหมีแพนด้ายังประเทศ จีนตามแผนการณ์ที่ได้วางเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว แต่บังเอิญโชคไม่ดีที่เขาต้องมา เสียชีวิตเสียก่อนในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2479 โดยที่แผนการนั้นยังไม่สำเร็จ


ในช่วงเวลาไม่กี่วันหลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของสามี รูธ ฮาร์คเนสส์ก็ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะทำให้ความฝันของเขาให้เป็นจริงให้ ได้ เธอเดินทางด้วยเรือจากนิวยอร์คมายังซีลอน(ศรีลังกา),สิงคโปร์และฮ่องกงตาม ลำดับก่อนที่จะถึงเซี่ยงไฮ้อันเป็นจุดหมายปลายทาง จากที่นี่รูธได้รวบรวมคณะสำรวจเดิมของสามีที่ยังเหลืออยู่ที่นี่เพื่อออก สำรวจป่าในแถบที่เชื่อว่าน่าจะมีหมีแพนด้าอาศัยอยู่ คณะได้เดินทางขึ้นไปตามแม่น้ำแยงซีถึง 2,400 ก.ม. แล้วต่อจากนั้นยังต้องเดินเท้าต่ออีก 480 ก.ม.ไปตามเส้นทางอันธุรกันดารเต็มไปด้วยหุบผาและขุนเขามากมาย จนกระทั่งในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2479 รูธและคณะสำรวจก็ได้พบลูกหมีแพนด้าที่ยังไม่ลืมตา ด้วยความเข้าใจผิดเนื่องจากอวัยวะเพศของหมียังไม่เด่นชัดนัก มันจึงได้ชื่อว่าซู-หลินและถูกเข้าใจว่าเป็นเพศเมียทั้งๆที่เป็นเพศผู้


ซู-หลิน หมีแพนด้าซึ่งถูกเลี้ยงดูในสวนสัตว์เป็นตัวแรกของโลกได้ใช้ชีวิตในสวนสัตว์ ต่อมาอีกเพียง 2 ปี มันตายลงเพราะกิ่งไม้ติดคอ หลังการเสียชีวิตของมันแล้วนี่เองที่นักวิทยาศาสตร์ได้ชันสูตรศพอย่าง ละเอียด และได้ทราบว่าที่แท้ซู-หลินคือแพนด้าเพศผู้หลังจากที่เข้าใจว่าเป็นเพศเมีย มาเป็นเวลานาน ส่วนรูธซึ่งเป็นผู้นำหมีชนิดนี้ออกมาเลี้ยงในสวนสัตว์ได้เป็นคนแรกของโลกก็ ไม่มีรายได้ใดๆนอกจากการเขียนหนังสือเล่าเรื่องการผจญภัยของเธอและการค้นพบ หมีแพนด้าชื่อว่า “The Lady and The Panda”


ประเทศจีนคือที่บริเวณเดียวในโลกเท่านั้นที่หมีแพนด้า สามารถยังชีพอยู่ได้ตามธรรมชาติ มันใช้ชีวิตอยู่ตามเทือกเขาแถบตอนกลางของประเทศ อันเป็นบริเวณที่มีใบไผ่สำหรับเป็นอาหารอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ และจะไม่ค่อยย้ายที่ไปหากินในแถบอื่นไกลจากถิ่นที่เกิด จึงเป็นไปได้ว่าหากเมื่อใดที่ใบไผ่ชนิดที่เป็นอาหารของมันต้องหมดไป หมีแพนด้าในบริเวณนั้นก็อาจสูญพันธุ์ไปด้วย


ลักษณะขนอันอ่อนนุ่มและสีที่ตัดกันกันอย่างเด่นชัดสวย งามนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนหลงรักในความน่าเอ็นดูของสัตว์ชนิดนี้เพียงอย่างเดียว ความน่ารักของมันยังเป็นเป้าหมายของมนุษย์ผู้เห็นแก่ได้ซึ่งต้องการนำมันมา ขายอีกด้วย หมีแพนด้าเป็นๆมีราคาสูงถึง 112,000 เหรียญ (ประมาณสี่ล้านห้าแสนบาท)ในตลาดมืดค้าสัตว์ป่าหายาก แม้แต่หนังของมันก็ยังมีราคาสูงลิบลิ่วถึง 10,000 เหรียญ(ประมาณสี่แสนบาท) ซึ่งนับว่าเป็นราคาอันเย้ายวนใจให้นักค้าสัตว์ป่ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ ตัวหมีชนิดนี้ การบุกรุกป่าเพื่อถากถางเป็นที่ทำกินของมนุษย์ และการลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วของต้นไผ่อันเป็นอาหารของหมีชนิดนี้คือปัจจัย หนึ่งในหลายๆปัจจัยที่ทำให้หมีแพนด้าลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนเกือบสูญพันธุ์


ความน่ารักและไม่มีอันตรายอันเป็นภาพลักษณ์ของสัตว์ป่า ใจดีของมัน ได้ก่อให้เกิดธุรกิจอันเกี่ยวกับหมีชนิดนี้มากมายและทำรายได้ให้มนุษย์ อย่างมหาศาล ร้านจำหน่ายของเด็กเล่นหลายร้านในอังกฤษสามารถขายตุ๊กตาหมีแพนด้าได้ถึงปีละ 30,000 ตัว ส่วนรายได้รวมจากการจำหน่ายของเล่นที่ทำเป็นรูปจำลองหมีแพนด้าทั่วโลกก็มี ปริมาณสูงถึงปีละ 1,640,000 (ประมาณหกสิบห้าล้านบาท) แม้สินค้าที่ใช้ทั้งชื่อและรูปร่างหน้าตาของมันจะ ขายดี แต่หมีแพนด้าจริงๆก็มีจำนวนหลงเหลืออยู่ในป่าไม่ถึง 1,000 ตัว ที่น่าเศร้าใจก็คือมนุษย์ใช้เงินเพื่อปกป้องหมีชนิดนี้ไม่ให้สูญพันธุ์ไป เพียง 1 ใน 10 เท่านั้นเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่ใช้ซื้อของเล่นจำลองตัวของมัน

ที่มา:www.pak-soi.com/
............................................................
Continue Reading...

Google ย่อโลกไว้ในมือคุณ


คนยุคใหม่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นคงไม่มีใครไม่รู้จักกู เกิล เพราะเราสามารถค้นหาทุกสิ่งที่ต้องการได้ในกูเกิล ตั้งแต่แผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์(กูเกิล เอิร์ธ)ไปจนถึงความรู้และข่าวสาร(กูเกิล เซิร์ช เอนจิน) ความเป็นมาของกูเกิลก่อนจะกลายเป็นบริษัทให้บริการทางอินเตอร์เน็ต รายใหญ่ที่สุดของโลก เริ่มขึ้นในเดือนมกราคม 1996นี้เองจากโครงการ วิจัยของนายลาร์รี่ เพจผู้ซึ่งไม่นานก็ได้เพื่อนร่วมงานคือเซอร์กีย์ บรินเมื่อทั้งคู่ศึกษาจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด แคลิ ฟอร์เนีย ด้วยความคิดว่าถ้ามีเครื่องมือสักชิ้นเพื่อเชื่อมโยงเว็บไซต์ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันให้ค้นหาได้ง่าย น่าจะดีกว่าการปล่อยให้กระจัดกระจายแล้วไม่ มีที่ให้ค้นหา

ความคิดของทั้งคู่จึงเป็นต้นกำเนิดของกูเกิล เซิร์ชเอนจินที่คนเล่นเน็ตทุก คนรู้จัก เมื่อป้อนถ้อยคำหรือประโยคใดๆเข้าไปที่นี่จะปรากฏเว็บไซต์ที่มี ถ้อยคำนี้รวมอยู่ด้วยปรากฏขึ้นเป็นหัวข้อ เรียงตามลำดับหัวข้อที่คนคลิกเข้า มาอ่านจากมากไปหาน้อย ก่อนจะมาเป็นกูเกิลเครื่องมือค้นหาของเพจและบรินมี ชื่อว่า”BackRub”(เกาหลัง) เพราะระบบจะเข้าไปตรวจสอบแบ็คลิงค์ ของไซต์ต่างๆเพื่อนำมาจัดอันดับเรียงกันตามความถี่ของการเข้าดู ทั้งเพจและ บรินใช้เครื่องมือค้นหาเว็บไซต์นี้ทดสอบแนวความคิดทางวิทยานิพนธ์ของตนเป็น ผลสำเร็จ

ทั้งสองพบว่ามันใช้ได้และสามารถหารายได้จากมันได้เช่น กันในด้านการโฆษณาและการจดทะเบียน ชื่อโดเมนที่จดทะเบียนแต่แรกจึงเกิดขึ้น คือ google.stanford.edu แล้วต่อมาเปลี่ยนเป็น google.comเมื่อ15กันยายน 1997 บริษัทถูกตั้งขึ้นในชื่อ Google Incวันที่4กันยายน 1998ใช้สถานที่ในโรงรถบ้านเพื่อนของทั้งคู่ที่เมนโล พาร์ค แคลิฟอร์เนียนั่น เองโดยมีเงินทุนจดทะเบียนเริ่มแรก1.1ล้านดอลลาร์ รวมทั้งเช็ค100,000ดอลลาร์ สมทบเป็นเงินลงทุนก้อนแรก จากแอนดี้ เบคโทลส์ไฮม์หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท ซัน ไมโครซิสเต็ม

กิจการของกูเกิลก้าวหน้าเป็นลำดับ ตามพัฒนาการของอี -คอมเมิร์ซและการให้บริการอินเตอร์เน็ต จากโรงรถย้ายมาเป็นสำนักงานในเมือง พาโล อัลโตอันเป็นแหล่งที่เทคโนโลยีพัฒนาไปรวดเร็วในแถบซิลิคอน แวลลีย์ในปี1999 หลังจากทำรายได้จนก้าวหน้ามากกว่าอีกสองเว็บไซต์ที่ เป็นเซิร์ช เอนจินเหมือนกัน กูเกิลก็ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่หมู่อาคารในเมาเทน วิวย่านใกล้เคียงแต่ยังอยู่ในซิลิคอน แวลลีย์ และอยู่ที่นั่นมาจนถึงปัจจุบันและอาคารตรงนั้นก็มีชื่อที่เรียกกัน ติดปากว่ากูเกิลเพล็กซ์(Googleplex) ในปี2006กูเกิลสามารถครอบครองทรัพย์สินในย่านซิลิคอน แวลลีย์ได้รวมมูลค่า 319ล้านดอลลาร์

เว็บกูเกิลใช้ง่ายและครอบคลุมคีย์เวิร์ดมาก ไม่ว่าจะ ต้องการรู้อะไรหรืออยากเห็นภาพอะไรมันสามารถค้นหาให้คุณได้หมด ความเป็นที่ นิยมของมันทำให้เป็นที่รู้จักกว้างขวาง ปัจจุบันนี้นอกจากเซิร์ช เอนจินแล้วกูเกิลยังมีระบบแผนที่ภาพถ่ายจากดาวเทียมให้ดาวน์โหลดทั้งแบบฟรี และต้องเช่า ระบบดังกล่าวนี้คือกูเกิล เอิร์ธ
คำว่า”กูเกิล”(Google)นั้นแท้จริงมาจากคำว่า”กู โกล”(Googol) อันหมายความว่าตัวเลขใดๆก็ตามที่ตามด้วยเลขศูนย์หลายตัว หมาย ถึงการใช้กูเกิลเพื่อค้นหาสาระและความรู้นั้นสามารถทำได้ไม่จำกัด เพียงแต่ คุณป้อนคำศัพท์ในภาษาต่างๆเข้าไปในช่องให้เติม เพื่อให้มันค้นหาให้เพียงไม่ กี่นาทีก็จะรู้

ถ้าคุณใช้อินเตอร์เน็ตต้องไม่พลาดกูเกิล จงใช้มันเพื่อ ค้นหาคำตอบเสียก่อนที่จะถามเพื่อนๆ เพราะคำตอบใดๆที่เพื่อนตอบคุณนั้นอาจจะ มาจากการค้นจากกูเกิลได้เหมือนกัน

ที่มา:www.pak-soi.com
...........................................................................
Continue Reading...

4วิธีใช้ iPhoneให้เวิร์คสุดๆ



ไอโฟนคือโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่กำลัง มาแรง ด้วยคุณสมบัติที่ดีคือใช้ง่ายด้วยหน้าจอสัมผัสที่ทำให้คู่แข่งอย่าง Blackberryยังต้องทำรุ่นสัมผัสออกมาเลียนแบบ และทำหน้าที่อื่นได้มากมายนอกจากเป็นแค่โทรศัพท์ แต่เพราะโดยธรรมชาติของมันที่เป็น iPodที่โทรศัพท์ออกได้ จึงทำให้ไอโฟนยังมีข้อจำกัดเช่นคุณภาพของเสียง การรับคลื่นในบางจุดและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

นิตยสารไอโฟนไลฟ์ซึ่งเสนอเรื่องราวของ โทรศัพท์รุ่นนี้โดยเฉพาะจึงมีบทความแนะนำเพื่อให้คุณใช้ไอโฟนทุกรุ่นได้ดี ที่สุด รับคลื่นชัดและสายไม่หลุด ลองทำตามทั้ง4ข้อที่ไอโฟนไลฟ์แนะนำดูแล้วคุณจะพบ ว่าใช้ไอโฟนของตัวเองได้สนุกขึ้น


1.
ใช้โหมด Field Test ของไอโฟน : เพื่อทราบความอ่อน-แก่ของสัญญาณด้วยการใช้คีย์แพดของโทรศัพท์ พิมพ์ข้อความ ดังนี้คือ *3001#12345#* แล้วกดโทรออก มองหน้าจอจะพบตัวเลขมีเครื่องหมาย –อยู่มุมบนขวาสุด แสดงให้เห็นความแรงของสัญญาณ สัญญาณยิ่งติดลบน้อยยิ่ง แรงกว่าสัญญาณติดลบมาก เช่น-73คือสัญญาณแรงกว่า-99 คุณใช้มันได้ในจุดต่างๆของบ้านและที่ทำงานเพื่อ ทดสอบกำลังส่ง รู้ว่าจุดไหนของอาคารที่ได้ค่า-ต่ำก็ไปยืนตรงนั้น ทำให้สนทนาได้โดยสายไม่หลุดในกรณีที่คุณสายหลุดบ่อยในบางจุด และต้องการค้นหาจุดยืนพูดที่สัญญาณแรง



2.
ปิด โหมด3Gถ้าไม่ใช้งาน : เพราะโหมด3Gนี้กินแบตเตอรี่น่าดู ปิดเสียดีกว่าถ้าไม่ได้ใช้ ด้วยการสัมผัสไอคอนsetting แล้วเข้าเมนูgeneral ต่อไปที่network แล้วปิดสัญญาณ3Gเสีย จะช่วยยืดเวลาการโทรศัพท์ของคุณได้อีกกว่าครึ่ง




3.
พยายาม ให้ไอโฟนของคุณอยู่สูงเสมอ : เพราะเสาอากาศของไอโฟนอยู่ต่ำสุด ถ้าสัญญาณอ่อนแล้วยังนั่งพูดคุณอาจไม่ค่อย ได้ยิน ยืนพูดและพยายามอย่ากำมันให้มิดฝ่ามือคุณอาจเพิ่มความดังได้อีก4เดซิเบล



4.
ใช้ หูฟังมีสาย เพิ่มกำลังรับ : ถึงบลูทูธจะมีใช้แต่ถ้าสัญญาณตรงนั้นเกิดอ่อนขึ้นมา คุณก็ควรงัดหูฟังมีสสายต่อมาใช้ เพราะมันทำหน้าที่เป็นเสาอากาศด้วยจึงเพิ่มกำลังรับสัญญาณไปในตัว ในบางบล็อกของคนใช้ไอโฟนเคยบอกไว้เหมือนกัน ว่าให้เสียบสายต่อแบตฯห้อยท้ายไว้เฉยๆไม่ต้องต่อกับอะไรก็ยังเพิ่มกำลังรับ ได้ ลองดูคุณอาจได้ผล

ที่มา:.pak-soi.com
...........................................................................
Continue Reading...

โค้ก น้ำดำอมตะ





ถ้าคุณไม่ได้เกิดมาในป่าในเขาและอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา คุณต้องรู้จักเครื่อง ดื่มเป็นน้ำสีดำยี่ห้อหนึ่งซึ่งรสชาติไม่เคยเปลี่ยนแปลง และยังดื่มมันอยู่ ได้ไม่รู้เบื่อตั้งแต่เด็กยันแก่ เมื่อกระหายหรืออ่อนล้าแม้แต่การได้นึกถึง สีดำๆและฟองซ่าของมันก็ทำให้ชื่นใจได้แล้ว เครื่องดื่มน้ำดำที่ว่านั้นชื่อ เดิมของมันคือ”โคคา-โคลา” หรือชื่อปัจจุบันที่สั้นและเรียกง่ายกว่าคือ”โค้ก”นั่นเอง

โค้กเป็นเครื่องดื่มดับกระหายหรือซอฟต์ดริงค์ประเภทหนึ่ง เป็นผลิตภัณฑ์ของ บริษัทโคคา-โคลามีต้นกำเนิดในสหรัฐฯ ปัจจุบันมีจำหน่ายใน200ประเทศ มี คนน้อยคนเหลือเกินที่รู้ว่าเครื่องดื่มหวานชื่นใจนี้จุดกำเนิดของมันแต่ แรกกลับถูกจดทะเบียนให้เป็นเป็นยา หาใช่เครื่องดื่มดับกระหายไม่ และเกิด ขึ้นในปลายศตวรรษที่19จากการคิดค้นของจอห์น เพมเบอร์ตันก่อนแล้วขายกิจการ ต่อให้อาซา กริกซ์ แคนด์เลอร์ซึ่งวางแผนการตลาดได้ยอดเยี่ยมจนโค้กกลายเป็นชื่อติดปากคนทั่วโลก ถึงปัจจุบัน

จอห์น เพมเบอร์ตัน(1831-1888)เดิม ตั้งใจจะผลิตไวน์จากต้นโคคา เมื่อทำสำเร็จจึงจดทะเบียนไว้ว่าเฟรนช์ ไวน์ โคคาของเพมเบอร์ตันเมื่อปี1885 ด้วยแรงบันดาลใจจากไวน์โคคาชื่อวิน มาริอานีที่ดื่มกันแพร่หลายในยุโรป โค้กยุคแรกเริ่มมีแอลกอฮอล์ผสมแต่ในปี 1886เมื่อเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจียออกกฎหมายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โคคา-โคลาจึงเกิดขึ้นจาก ไวน์โคคาเดิมนั่นเองเพียงแต่ตัดส่วนผสมแอลกอฮอล์ออก

มันถูกจำหน่ายในฐานะยาด้วยราคาขวดละ5เซ็น ต์ เนื่องจากเกิดความเชื่อว่าน้ำ”โคคา”นี้เมื่อดื่มแล้วจะเสริมสุขภาพ มัน จึงแพร่หลายไปทั่วอเมริกาอย่างรวดเร็วและตัวเพมเบอร์ตันเองก็โฆษณาบ้าเลือด ด้วยว่า”น้ำโคคา”ของเขารักษาโรคร้ายได้หลายโรค ใช้บำบัดอาการติดมอร์ฟีนก็ยังได้ ครั้นพอถึงปี1888โคคา-โคลาก็ถูกจัดจำหน่าย ถึง3บริษัท อาซา กริกซ์ แคนด์เลอร์เข้าถือหุ้นส่วนใหญ่สำเร็จแล้วตั้งแต่ปี1887 และตั้งชื่อบริษัท เพื่อผลิตน้ำวิเศษนี้ว่าบริษัท”โคคา โคลา”ในปี1888

ทั้งที่โฆษณาไว้เสียสวยหรูว่าน้ำนี้ช่วยบำบัดอาการติดมอร์ฟีน แต่เพมเบอร์ ตันเองกลับติดมอร์ฟีนงอมแงม เขาขายสิทธิ์การผลิตเป็นครั้งที่2ให้กับสี่นักธุรกิจคือเจ.ซี.เมย์ฟีลด์,เอ.โอ.เมอร์ฟี,ซี.โอ.มัลลาไฮและอี.เอช บลัดเวิร์ธ ว่าแต่พ่อติดมอร์ฟีนแล้วลูกชายคือชาร์ลีย์ เพมเบอร์ตันเองก็ติดเหล้าไม่แพ้กัน เขามีโคคา-โคลาในสูตรของตัวเองและขายมันไปเหมือนกัน

โคคา-โคลาที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อมาเป็นโค้กเพื่อให้เรียกง่าย หรือในบาง ประเทศยังใช้ชื่อเดิมอยู่ ได้กลายมาเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมติดตู้เย็นของทุก ครัวเรือนทั้งแบบมีคาเฟอีนและไม่มี แบบปกติมีน้ำตาลและไม่มีน้ำตาลให้เลือก ดื่มตามความชอบและความเชื่อ รสชาติของมันไม่เคยเปลี่ยนแต่เราก็ยังชอบดื่ม มันตั้งแต่เล็กจนโต มันจึงเป็นน้ำดำอมตะสมคำร่ำลือจริงๆ



............................................................
Continue Reading...

Starbucks มานั่งแล้วต้องสั่งกาแฟ


อาจไม่ใช่กาแฟรถเข็นราคาถูกแบบปากซอย แต่ชาวปากซอยหลายคนคงไม่ปฏิเสธว่าตัว เองก็เคยลิ้มรสสตาร์บัคมาแล้ว อย่างน้อยๆถึงนึกอะไรไม่ออกก็ต้องซดกาแฟร้อน ราคาต่ำสุดล่ะ ที่สตาร์บัคส์ดำรงตนมาจนทุกวันนี้ได้ก็เพราะมีจุดขาย คือเป็น ที่สังสรรก็ได้ ใช้ทำงานก็ได้เพราะมีจุดไวร์เลสให้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต พกแล็ปท็อป คอมพิวเตอร์ไปเครื่องเดียว สั่งกาแฟก่อนแล้วถือมานั่งดื่มพร้อมเปิดคอมฯทำ งาน(ต้องทำตามลำดับขั้นตอนนี้จริงๆ ถ้าคุณเปิดคอมฯวางไว้แล้วไปสั่งกาแฟดื่ม กลับมามันอาจหายไปได้ในพริบตา) แล้วคุณก็ไม่จำเป็นต้องนั่งจับเจ่าอยู่ใน ออฟฟิศอีกต่อไปเมื่อเปลี่ยนบรรยากาศมาดื่มไปทำงานไปในสตาร์บัคส์

เฟรนไชส์กาแฟแบรนด์ใหญ่ที่สุดในโลกนี้มีต้นกำเนิดจากเมืองซีแอตเติล วอชิงตัน เกิดขึ้นครั้งแรกในปี1971ที่ ตลาดปลาชื่อไพค์ เพลซ มาร์เก็ตโดยหุ้นส่วนสามคน คือเจอรี่ บอลด์วินครูสอนภาษาอังกฤษ เซฟ ซีกัลป์ครูสอนวิชาประวัติศาสตร์และกอร์ดอน โบว์เคอร์นักเขียน ทั้งสามคนนี้ได้แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจมาจากแอลเฟรด พีต(ใครก็ไม่รู้ที่ ทั้งสามเกลอรู้จัก)ที่บอกว่าต้องขายเครื่องทำกาแฟและเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงราคา แพงในแหล่งที่ใครๆอยากดื่ม ทำเลเหมาะคือตลาดปลาไพค์ เพลซของนิวยอร์คนี่เอง และคนที่ส่งเมล็ดกาแฟสดให้ก็ไม่ใช่ใครนอกจากพีต

กาแฟรสอร่อย คนเดินผ่านเยอะ ทำเลดี ไม่นานสตาร์บัคส์ก็ไปได้สวย ในปี1982จึง ได้โฮเวิร์ด ชูลต์มาเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาด เขาเดินทางไปยังเมืองมิลาน ประเทศอิตาลีแล้วเสนอคำแนะนำว่าบริษัทควรขายกาแฟชงสดด้วยนอกจากจะขายแค่ เมล็ดให้ไปชงกินที่บ้านอย่างเดียว แต่แรกเจ้าของทั้งสามยังต่อต้านเพราะต้องการให้เอกลักษณ์ของสตาร์บัคส์คือ การขายแต่เมล็ดกาแฟสดอย่างเดียว คิดแบบเดิมๆว่ากาแฟต้องดื่มที่บ้านสบายๆ เท่านั้นไม่ใช่มานั่งดื่มเป็นเรื่องเป็นราวนอกบ้าน แต่ถ้าทำร้านให้บรรยากาศ เหมือนบ้านได้ล่ะ ยอดขายจะเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้เท่าไรหรือเปล่า คิดได้เท่านั้นสตาร์บัคส์ก็เติบ โตเรื่อยมา มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้หลากหลายเพื่อเข้ากับรสนิยมและสภาพ ภูมิประเทศที่สาขาตั้งอยู่

แนวความคิดหนึ่งของการทำสตาร์บัคส์ ก็คือการทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่าร้าน เป็นมากกว่าร้านกาแฟ เป็นที่สังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็ได้ เป็นจุดนัดพบ เป็นสถานที่ทำงานก็ได้สำหรับงานบางประเภท เช่นงานเขียนบทความหรืองานที่ใช้ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ทำได้ โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องมืออื่นนอกจากอินเตอร์เน็ตไร้สาย ถ้าคุณต้องการ คุณสมบัติดังกล่าวพร้อมกับพนักงานที่ให้บริการอย่างเป็นกันเองเหมือนเพื่อน เหมือนญาติ สตาร์บัคส์จัดให้ จุดขายดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ลูกค้าที่ดื่ม กาแฟครั้งแรกกับสตาร์บัคส์ต้องย้อนรอยกลับไปเยือนอีก ไม่ใช่เพราะรสชาติของ กาแฟแต่เป็นเพราะบริการแบบเป็นกันเอง ที่ทำให้รู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อน เก่า อยากกลับมาเจอกันอีกหลังเครียดมาทั้งวันจากงานประจำอันน่าเหน็ดเหนื่อย

ปัจจุบันนี้ร้านสตาร์บัคส์มีสาขาอยู่เกือบสองหมื่นแห่งใน49ประเทศ ทั่วโลก ในประเทศไทยมีสตาร์บัคส์อยู่ในทุกห้างและทุกมอลล์ ตั้งอยู่ได้ทั้ง ร้านเดี่ยวๆและอยู่ในร้านหนังสือเพื่อให้บริการคุณทั้งกาแฟและขนมเค้กอร่อยๆ ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงสี่ทุ่ม
ลองสตาร์บัคส์สักถ้วย จะเอากลับบ้านหรือดื่มในร้านไปพร้อมฟังเพลงเย็นๆก็ได้ คุณจะไม่ผิดหวัง

ที่มา:.pak-soi.com
............................................................
Continue Reading...

Slurpee หวาน...เย็นขึ้นสมอง



อากาศร้อนๆอย่างเมืองไทยนี้เราดับความร้อนได้ด้วยความ เย็น ทุกครั้งที่แวะร้านสะดวกซื้อหน้าบ้านอย่างเซเว่น อีเลฟเว่น เครื่องดื่มเย็นๆที่นึกถึงก่อนอื่นกลับไม่ใช่โค้ก,เป็ปซี่หรือน้ำ อัดลมอื่นๆที่หาซื้อได้ทั่วไป แต่กลายเป็นนึกถึงเครื่องดื่มเย็นเจี๊ยบกึ่ง เหลวเป็นเกล็ดน้ำแข็งชื่อน่ารักว่า”Slurpee” ที่ต้องค่อยๆดูดเพราะ เย็นได้ใจดีเหลือเกิน ดูดเร็วเกินไปมันอาจทำให้คุณปวดหัวได้ชั่วขณะก่อนจะ เปลี่ยนกลับมาเป็นความเย็นชื่นฉ่ำใจเหมือนเดิม

ก่อนจะมาเป็นเครื่องดื่มสุดฮิตประจำปากซอย มันเกิดขึ้นจากความคิดดั้งเดิม ของนายโอมาร์ เนดลิคตอนปลายทศวรรษ 1950 เพราะเครื่องทำโซดาของเขาพังแท้ๆที่ทำให้เนดลิคจำต้องแช่โซดาในตู้ เย็น นอกจากจะเย็นแล้วผลข้างเคียงคือมันเป็นเกล็ดละเอียดไม่จับตัวกัน เขา ลองกินแล้วพบว่ามันอร่อยเมื่อเติมน้ำหวานลงไปก่อนจะเอาให้เพื่อนๆทดลอง พอ ลองแล้วชอบจึงเสนอไอเดียว่าให้ทำขาย จากแค่แช่ในตู้เย็นกลายมาเป็นเครื่อง หมุนกวนไม่ให้แข็งตัว เครื่องจักรเครื่องแรกยังทำมาจากตู้แอร์รถยนต์ แท้ๆ เดิมด้วยสัณฐานของมันทำให้เครื่องดื่มชนิดนี้ถูกเรียกว่า”สลัชชี่ ”(Slushy) ต่อมาเมื่อขายลิขสิทธิ์ให้เซเว่น อีเลฟเว่นแล้วผ.อ.ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ของเซเว่นฯจึงเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ดูน่า รักขึ้นเป็น”Slurpee” จากคำว่า”Slurp”ที่แปลว่า”ดื่มให้หมดเหลือแต่น้ำติดหลอด”นั่นเอง แล้วก็ใช้ ชื่อนี้มาตลอดถึงปัจจุบัน

สเลอร์ปี้มีขายที่เซเว่นเพียงร้านเดียว(หลายสาขา)เท่านั้น เพราะมันเป็น เครื่องดื่มที่เซเว่นจดสิทธิบัตรเอาไว้แล้ว คุณเลือกสเลอร์ปี้ได้หลายรสชาติ ทั้งรสส้ม โค้ก สละ ไซเดอร์และอื่นๆ จากเครื่องจักรที่คอยกวนส่วนผสมน้ำแข็งและน้ำหวานตลอดเวลา ไม่ให้มันแข็งตัวจนกดให้ไหลไม่ได้ รสชาติยอดนิยมของสเลอร์ปี้คือโค้กและเชอ รี่(หรือเรียกง่ายๆว่าน้ำแดง) แต่ก็ยังมีรสชาติใหม่ๆให้ลิ้มลองอยู่เป็น ประจำ ในเวอร์ชั่นใหม่ของสเลอร์ปี้มันมีชื่อว่า”สควิชีส์”(Squishees)ซึ่งจำหน่ายพร้อมถ้วยพิเศษมีรูปทรงและลวดลายแปลกตา เพื่อนักสะสมหรือคนชอบของแปลก

ความแพร่หลายของเครื่องดื่มชนิดนี้คือมันอยู่ได้ทุกที่ที่มีร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เฉพาะคานาดาประเทศเดียวก็ดื่มกันปีละ30ล้านดริงค์ แล้วทั้งที่ตัวประเทศเองอยู่ในแถบหนาวที่สุดของโลก สถิตินี้ทำให้เข้าใจได้ ว่าเครื่องดื่มที่หวานและเย็นย่อมเป็นที่ต้องการของทุกคน ไม่จำกัดว่าต้อง เป็นประเทศในเขตร้อนเท่านั้น ขอให้เย็นและหวานถูกปากมันย่อมเป็นที่ต้องการเสมอ

ถึงจะเป็นสินค้าจดสิทธิบัตรของเซเว่น อีเลฟเว่นแต่ก็ใช่ว่าจะมีขายทุกสาขา โดยเฉพาะในเม็กซิโกนั้นเซเว่นฯบางร้าน ก็ไม่มีขาย ที่น่าสนใจคือเมืองเคนเนวิค รัฐวอชิงตันที่มีประชากร54,693คน(สำรวจ เมื่อปี2000) ถูกจัดให้เป็นเมืองหลวงของสเลอร์ปี้ เพราะสเลอร์ปี้ขายได้มาก เป็นอันดับหนึ่งของสหรัฐฯที่นี่เมื่อปี2007 แต่ปีที่แล้วนี้แชมป์ดื่มสเลอร์ ปี้มากที่สุดของสหรัฐฯกลายเป็นลอส แอนเจลิสไปเรียบร้อยแล้ว

มันเป็นเครื่องดื่มที่เข้าถึงทุกซอกมุมของสังคมปากซอยจริงๆ ไม่มึนเมา ไม่ขัดต่อกฎข้อห้ามทางศาสนาอิสลาม ไม่มีคาเฟอีน ไม่มีโซเดียม คาเซอิเนทมาเป็นตัวป้องกันการแข็งตัว(เดี๋ยวจะปั่นให้เหลวไม่ได้) ดื่มแล้ว มีแต่ชื่นใจอย่างเดียวขอเพียงอย่าให้มากเกินไป เพราะน้ำตาลในส่วนผสมอาจทำ คุณอ้วนได้
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วไม่อยากกินก็ใจแข็งเกินไปล่ะ ลองเดินออกไปที่เซเว่นฯ ร้านปากซอยบ้านคุณแล้วดื่มมันดู จะเข้าใจว่าเราพูดไม่เกินความจริง!

ที่มา:.pak-soi.com
............................................................
Continue Reading...

" เครื่องดื่มที่ชอบบอกนิสัย "

http://www.mhsjc.coj.go.th/other/275.jpg

ชอบดื่มน้ำชา

คนที่ชอบดื่มเครื่องดื่มจำพวกชาต่าง ๆ นั้นมักเป็นคนที่มีความละเมียดละไมในการใช้ชีวิตมากมีความนุ่มนวลอ่อนโยน
และชอบเอาอกเอาใจคนรอบข้าง คนที่อยู่ใกล้ชิดมักรู้สึกถึงความสงบ อบอุ่นและผ่อนคลาย ทั้งยังสามารถเข้าได้กับคนทุกกลุ่ม
และมีเสน่ห์ต่อทุกคน นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ปรับตัวได้เก่ง ช่างประนีประนอมและไม่ชอบความขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น
แถมยังเป็นคนที่มักลังเลในการตัดสินใจเสมอ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์และยุติธรรมมาก : )

ชอบดื่มกาแฟ

ผู้ที่มีเครื่องดื่มที่ชอบที่สุดคือกาแฟนั้น มักเป็นคนที่มีความคาดหวังในชีวิตสูงมาก เมื่อตั้งความหวังอะไรไว้
ก็จะพยายามไปถึงสิ่งที่หวังนั้นให้ได้อย่างใจเย็น และรู้จักการรอคอย ทั้งยังเป็นคนที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจมาก
นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ยึดถือในเหตุผลและหลักการ ชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ไม่ใช่คนที่ซับซ้อนอะไรเลยหากเป็นคนจริงจัง
และตรงไปตรงมามาก ชอบคิดอะไรง่ายๆ แต่ไม่ค่อยมีรายละเอียดในชีวิตนัก : )

ชอบดื่มน้ำหวาน

คนที่ชอบดื่มเครื่องดื่มจำพวกน้ำหวานธรรมดาๆ ง่ายๆ นั้นมักเป็นคนที่รักสงบ ชอบทำงานประเภทที่มีความมั่นคงปลอดภัย
มีรายได้ประจำสม่ำเสมอและหลักประกันในชีวิตที่แน่นอน ความสับสนวุ่นวายเป็นสิ่งที่มักหลีกเลี่ยงที่จะพบเจอทั้งยังมีความมานะพยายามสูง
ค่อนข้างจะยึดมั่นในสิ่งที่ตนคิดเอามากๆ ไม่ใช่คนที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้โดยง่าย ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี
มีความสุขอยู่เสมอและมีความหวังในชีวิตอยู่ตลอดเวลา : )

ชอบดื่มน้ำอัดลม

สำหรับคนที่ชอบดื่มน้ำอัดลมมากที่สุดนั้น มักเป็นคนที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองเอามากๆ ไม่ใครสามารถบังคับให้อยู่ในกฎเกณฑ์ได้
ทั้ง ยังเป็นคนที่ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นเท่าที่ควร แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นคนที่ให้ความสนใจในเรื่องที่ลึกซึ้งเช่นพวกธรรมะ หรือศาสนา
และเป็นคนที่ชอบศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน นอกจากนี้ยังเป็นคนรักการเดินทางมาก
ชอบการผจญภัยตลอดเวลา และไม่เคยย่อท้อต่อความผิดหวัง : )

ชอบดื่มไวน์

สำหรับคนที่ชอบดื่มไวน์นั้น มักเป็นคนที่มีรายละเอียดและกฏเกณฑ์ในชีวิตเสมอทั้งยังเป็นคนที่ยึดมั่นต่อขนบธรรมเนียมประเพณีมากๆ
อีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่รู้จักกาลเทศะ และสามารถเข้าสังคมได้ดี นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความเชื่อในเรื่องพิธีกรรมต่างๆ
เป็นอย่างสูง และค่อนข้างจะเป็นพวกอนุรักษ์นิยม จึงมักจะมีปัญหากับคนที่ชอบทำตัวอิสระเกินขอบเขตเสมอ : )

ชอบดื่มเหล้า

สำหรับที่ชอบดื่มเหล้าเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นบรั่นดี วิสกี้ หรือเหล้าใดๆ ก็ตามนั้น มักเป็นคนที่รักความสนุกสนาน
ชอบแสวงหาความบันเทิงให้ชีวิตอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังเป็นคนที่ใจกว้างทำให้เป็นที่รู้จักของคนมากหน้าหลายตา
และมักจะสนใจในเรื่องที่มีความสำคัญมากๆ เท่านั้นแต่กับเรื่องเล็กๆ ใกล้ตัวกลับกลายเป็นคนที่ไร้ความรับผิดชอบได้อย่างน่าแปลกใจ
นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองมากเช่นบุคลิกอาจดูเข้มแข็ง แต่จริงๆ แล้วจิตใจอ่อนแอยิ่งนัก : )

ชอบดื่มเบียร์

ส่วนคนที่ชอบดื่มเบียร์มากที่สุดในบรรดาเครื่องดื่มทั้งหลายนั้น มักเป็นคนที่มีชีวิตชีวา และมีจิตใจที่ฮึกเหิมกล้าหาญมาก
และรักการผจญภัยเป็นที่สุด ทั้งยังเป็นคนใจร้อนใจเร็วไปเสียทุกเรื่อง โดยไม่สนใจสถานการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
และยังไม่ใช่คนรอบคอบที่รู้จักคิดอะไรโดยมีการไตร่ตรองนัก มักเปลี่ยนใจง่ายแต่ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นตัวของตัวเองมาก
ให้ทนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบจะทนไม่ได้เลย มีความเป็นอิสระสูงและชอบการแสดงออก : )

ดื่มได้ทุกอย่าง

ส่วนคนที่ไม่ได้ชอบเครื่องดื่มชนิดใดมากมายเป็นพิเศษแต่สามารถดื่มได้ทุกชนิดตามแต่จะมีมาให้ดื่ม มักเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน
และมีความรู้สึกที่อ่อนไหว เปราะบาง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย
รับรู้และเข้าอกเข้าใจในความทุกข์ความเศร้าของคนอื่นได้อย่างลึกซึ้ง แต่จะเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว ไม่ชอบการเผชิญหน้า
และมักหลีกเลี่ยงสิ่งซึ่งนำมาซึ่งความโศกเศร้าทุกอย่าง นอกจากนี้ยังเป็นคนที่หลงใหลอะไรได้ง่าย
มักจะสับสนกับความต้องการของตัวเองอยู่เสมอ : )

ที่มา:webboard.yenta4.com
............................................................
Continue Reading...

แบบทดสอบ ABOUT LOVE



แบบทดสอบนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจบางสิ่ง บางอย่างเกี่ยวกับความรักของคุณได้อย่างถ่องแท้แน่นอน ขอแค่คุณให้เวลากับตัวเองสักนิดก็เพียงเท่านั้นค่ะ

1. หากโลกจะแตกแล้วคุณสามารถช่วยชีวิตสัตว์ได้หนึ่งชนิด คุณจะเลือกช่วยสัตว์อะไร ?

ก. กระต่าย
ข. แกะ
ค. กวาง
ง. ม้า

2. คุณได้เดินทางเพื่อไปเยี่ยมชมเผ่าพื้นเมืองแห่งหนึ่งในแอฟริกา ขากลับเขาจะให้สัตว์อย่างหนึ่ง เพื่อเป็นที่ระลึก คุณจะเลือกตัวอะไร?

ก. ลิง
ข. สิงโต
ค. งู
ง. ยีราฟ

3. ถ้าคุณได้ทำผิดแล้วถูกพระเจ้าลงโทษสาบให้เป็นสัตว์ คุณจะเลือกเป็นตัวอะไร?

ก. สุนัข
ข. แมว
ค. ม้า
ง. งู

4. ถ้าคุณมีอำนาจคุณอยากจะเสกให้สัตว์ชนิดใดหายสาบสูญ ไปจากโลกตลอดกาล?

ก. สิงโต
ข. งู
ค. จระเข้
ง. ฉลาม

5. คุณอยากจะให้สัตว์ชนิดใดพูดภาษาคนได้มากที่สุด ?

ก. แกะ
ข. ม้า
ค. กระต่าย
ง. นก

6. หากต้องติดอยู่บนเกาะร้างกลางมหาสมุทร คุณอยากจะให้ ใครไปอยู่เป็นเพื่อน ?

ก. มนุษย์
ข. หมู
ค. วัว
ง. นก

7. ถ้ามีเวทมนต์คุณอยากจะเสกให้สัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์เลี้ยง ?

ก. ไดโนเสาร์
ข. เสือขาว
ค. หมีขั้วโลก
ง. เสือดาว

8. คุณจะเลือกเป็นตัวอะไร ถ้าหากสามารถแปลงเป็นสัตว์ได้ 5 นาที ?

ก. สิงโต
ข. แมว
ค. ม้า
ง. นกพิราบ

เฉลย

1. ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ คนที่มีบุคลิกแบบใดที่ดึงดูดใจคุณมากที่สุด?

ก. กระต่าย เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบคนที่รักสันโดษ มองภายนอกเป็นคนสงบนิ่ง ซึ่งต่างจากภายในที่ร้อนเหมือนไฟ

ข. แกะ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบคนที่ดูอบอุ่น และเชื่อฟังคุณ

ค. กวาง เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบคนบุคลิกดี สง่างามและดูภูมิฐาน

ง. ม้า เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบคนที่รัก อิสระเสรี ไม่ชอบทำอะไรตามกฏเกณฑ์และ เป็นตัวของตัวเอง

2. ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ การจีบแบบใดที่โดนใจคุณมากที่สุด?

ก. ลิง เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบการจีบแบบสร้างสรรค์ มีอะไรแปลกใหม่มาให้คุณประหลาดใจอยู่เสมอเพราะนั่นจะทำให้คุณ ไม่รู้สึกเบื่อ

ข. สิงโต เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบการจีบแบบตรงไปตรงมา หากรักก็บอกว่ารักกันไปเลย

ค. งู เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบการจีบแบบ ที่ดูโลเลไม่แน่นอนบางครั้งเขาทำเหมือน รักคุณมากมาย แต่บางครั้งก็แกล้งทำเหมือนไม่ใส่ใจคุณเลยเพราะ นั่นจะทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นและท้าทายตลอดเวลา

ง. ยีราฟเหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบการจีบแบบที่แสดงถึงความอดทน จริงใจและ พร้อมที่จะให้อภัยคุณได้ทุกอย่าง

3. ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ สิ่งใดที่ทำให้คุณรู้สึกประทับใจในตัวเขา?

ก. สุนัข เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ ความซื่อสัตย์ ความมั่นคงและจริงใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ข. แมว เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ ความโก้เก๋ ความมีรสนิยมในตัวเขา

ค. ม้า เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ การมองโลกในแง่ดีของเขา

ง. งู เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ ความเป็นคนง่ายๆ สบายๆ และไม่เรื่องมากของเขา

4. ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ สิ่งใดที่คุณทนไม่ได้เลยหากคนรักของคุณทำนิสัย แบบนี้?

ก. สิงโต เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ การถือตัว ยิ่งยโสและชอบดูถูกคนของเขา

ข. งู เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ

เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเขา

ค. จระเข้ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ ความก้าวร้าว หยาบกระด้างของเขา

ง. ฉลาม เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ อาการขี้ตกกังวลและความไม่มั่นใจในตัวเองของเ ขา

5. ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ คุณอยากให้ความสัมพันธ์ของคุณกับคนรักดำเนินไปแบบไหน?

ก. แกะ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ สามารถเข้าอกเข้าใจกันได้ และสื่อสารกันด้วยสายตา โดยจำเป็นต้องพูดออกมาและดำเนินความสัมพันธ์ไปเหมือน ที่คนรุ่นพ่อแม่เคยปฏิบัติ

ข. ม้า เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ สามารถเปิดอกพูดคุยกันได้ทุกเรื่องโดยไม่มีความลับต่อกัน

ค. กระต่ายเหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ มีสัมพันธภาพที่อบอุ่นและรักกันหวานชื่นตลอดเวลา

ง. นก เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ มีความสัมพันธ์ที่มั่นคงยาวนาน เพราะคุณมองไปถึงการสร้างอนาคตร่วมกันด้วย

6. ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ คุณมีแนวโน้มแค่ไหน เรื่อง ”การนอกใจ”

ก. มนุษย์ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณเป็นคนแคร์สังคมและศีลธรรม คุณจะไม่คิดนอกใจ หลังจากแต่งงานแล้วเด็ดขาด

ข. หมู เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณทนต่อการยั่วยุไม่ค่อยได้ดังนั้นมีแนว โน้มที่คุณจะคิดนอกใจ

ค. วัว เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณมีความอดทนอดกลั้นดีเยี่ยม คุณพยายามที่จะไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น

ง. นก เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณไม่มีความอดทน ดังนั้นมีโอกาสที่จะกระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมหากมีแรงยั่วยุ

7.ความหมายแฝงเป็นนัยๆของคำถามข้อนี้คือคุณคิด อย่างไรเกี่ยวกับเรื่อง”การแต่งงาน”?

ก. ไดโนเสาร์เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณเป็นคนมองโลกแง่ร้ายไม่อยากแต่งงาน

ข.เสือขาวเหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อ นี้คือคุณคิดว่าการ แต่งงานเป็นสิ่งที่มีค่าถ้าได้แต่งงานคุณจะประคับประคองชีวิตคู่ให้ คงไว้ตลอดไป

ค. หมีขั้วโลกเหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณกลัวการแต่งงานเพราะคิดว่ามันอาจทำให้คุณหมดอิสระ

ง. เสือดาวเหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณอยาก แต่งงาน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วคุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตคู่เลย

8. ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับ ”ความรัก”?

ก. สิงโต เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณมักจะเหนื่อยเสมอในเรื่องของความรักเพราะคุณยอมทำ ได้ทุกอย่างเพื่อคนที่รักแต่ก็ใช่ว่าคุณจะตกหลุมรักใครง่ายๆ

ข. แมว เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณรักตัวเองมากกว่าและคุณก็คิดว่าความรักเป็นแค่ อารมณ์อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้น

ค. ม้า เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือคุณไม่ต้องการจะทุ่มเทอะไร มากมายเพื่อความรัก แต่สิ่งที่คุณทำไปทุกอย่างก็เพราะ ไม่อยากจะอยู่คนเดียวเพียงลำพังในโลกใบนี้เท่านั้น

ง. นกพิราบ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณคิดว่าความรักนั้น คือการเปิดใจยอมรับที่จะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน

*~อาจจะตรงแต่ก็ไม่ทุกข้อมั้ง เพราะชั้ลไม่สามารถอ่านใจคนได้~*

ที่มา:webboard.yenta4.com
............................................................
Continue Reading...

ศิลปะ จาก ที่ใส่ไข่

ege
ege

สวยไปอีกแบบ
ege ege

ที่มา:webboard.yenta4.com
............................................................
Continue Reading...
 

sanookde Copyright © 2009 Girlymagz is Designed by Bie Girl Vector by Ipietoon