Monday, February 15, 2010

รู้ได้อย่างไรว่ากำลัง อินเลิฟ

รู้ได้อย่างไรว่ากำลัง อินเลิฟ


คู่รัก ความรัก


วิธีสังเกตให้รู้ว่านี่คือรักแท้หรือแค่อารมณ์วาบไหวเป็นอย่างไร ลองสำรวจตัวเองดังต่อไปนี้

รักคืออะไร อาการ ต่างๆ เช่น หัวใจเต้นตุบตับเป็นจังหวะ นอนไม่หลับกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น อาการวาบหวิวในช่องท้องเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่เป็นร้อยตัว ฯลฯ คือสัญญาณที่บ่งบอกว่านี่คือรักแท้หรือไม่... เปล่าเลยค่ะ... แค่ความหลงเท่า นั้น
  อยากพบพ่อแม่ของอีกฝ่าย
ตาม ปกติไอเดียเรื่องการไปพบพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายถือเป็นเรื่องที่น่า กลัวสุดๆ ดังนั้นถ้าคบหาดูใจกันไปสักพัก และอยากรู้จักกับผู้ใหญ่ของอีกฝ่าย แถมยังสามารถบอกข้อมูลส่วนตัวให้กันได้อย่างเต็มใจ เช่น นิสัย เป้าหมายในชีวิต บัญชีธนาคาร ฯลฯ ถือว่านี่ละคืออาการของคนกำลังอินเลิฟอย่างไม่ต้องสงสัย





  เอ่ยปากว่าเลิกเดทกับคนอื่นอย่างเต็มใจ
การ ทำตัวรักสนุกร่อนไปเรื่อยเปื่อยไม่ใช่พฤติกรรมที่น่าชื่ชมเอาซะเลย ดังนั้นการที่เปิดอกกับอีกฝ่ายว่า จะเลิกยุ่งกับคนอื่น ทำตัวรักเดียวใจเดียว จึงเป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์มาก เพราะนั่นเท่ากับเป็นการมอบอำนาจให้อีกฝ่ายได้เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตด้วย นี่ไม่เพียงแสดงว่ากำลังอินเลิฟ แต่ยังแสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ที่ยุติธรรมและมีเหตุผลอีกด้วย
  เลิกล่าแต้ม
เชื่อ ไหมว่าบางคนมีสมุดไว้จดสะส้มแต้มว่าได้สอยใครมาบ้าง (ใช้คำแรงไปไหมนี่) ดังนั้นการเลิกสะสมคะแนนจึงถือว่า นี่คือการยอมรับความสัมพันธ์ที่จริงจังและผูกมัด ทันทีที่รู้ตัวว่าพบคนที่ ใช่ เราก็จะดำเนินชีวิตต่อไปกับคนๆนี้เท่านั้น ไม่มีเหตุผลที่ต้องเดินถอยหลัง
  รู้สึกผ่อนคลายเวลาอีกฝ่ายอยู่ใกล้
นอก จากโลกจะสดใสแล้วยังรู้สึกดีกับตัวเองด้วย เมื่อเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาแสดงว่าได้ผ่านช่วงหลงใหลหน้ามืดตามัวมา แล้ว ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่หายใจไม่ทั่วท้องเวลาอีกฝ่ายอยู่ใกล้ เนื่องจากตื่นเต้นฮอร์โมนเลยพุ่งพล่าน และผีเสื้อบินว่อนอยู่ในท้อง ตอนนี้จึงเป็นช่วงที่มีความสุข มีชีวิตชีวาและกินได้นอนหลับ นี่ละคือความรัก
  ฮัมเพลงรัก
ความ รู้สึกอื่มเอิบและเป็นสุขอยู่ในส่วนลึก ทั้งผ่อนคลายและสบายใจเสียจนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอินเลิฟ ความรู้สึกเติมเต็มทำให้มีสมาธิดีขึ้น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มันเนียนเสียจนไม่รู้ตัวเลย จึงเผลอไผลฮัมเพลงรักออกมาซะงั้นโดยไม่ได้รบกวนสิ่งที่กำลังทำอยู่ เพราะเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ พอรู้ตัวปั๊บก็จะเผลอออกมา นึกถึงหวานใจขึ้นมา จากนั้นก็จะกลับไปทำงานต่อ นี่ละที่ฟรอยด์บอกว่า มนุษย์ทุกคนต้องการงานและความรัก
  เต็มไปด้วยพลังพลัง นี้คือพลังที่เกิดขึ้นเมื่อยิงบอลเข้าโกล์ หรือทำอาหารสูตรนี้ด้วยความยากลำบากแล้วปรากฏว่าอร่อยเหาะ หรือสามารถใส่ยีนส์ตัวที่เคยคับได้พอดีเป๊ะ นี่คือพลังที่เรารู้สึกเวลาที่ประสบความสำเร็จกับอะไรสักอย่าง นี่คือความรู้สึกของคนที่มีความรัก (ไม่ใช่ตกหลุมรัก) และเป็นความรู้สึกที่ยืนนาน ไม่ใช่เพียงฉาบฉวย
  เต็มใจไปสถานที่ที่ไม่ชอบยก ตัวอย่างเช่น โรงละครหรือสนามมวย การเต็มอกเต็มใจควงคนรักไปในสถานที่ที่ไม่ถูกใจ แสดงถึงความรักอย่างแน่นอนที่สุด ความรักทำให้ทัศนคติอ่อนโยนขึ้น ยอมเปิดรับสิ่งที่ไม่ชอบ เพราะความรักทำให้รู้จักเผื่อแผ่แก่คนที่เรารัก เป็นความรู้สึกอิ่มเอิบเมื่อได้ร่วมทำบางอย่างกับคนรัก นั่นหมายถึงว่าเราให้ความสำคัญกับคนมากกว่าเรื่องอื่น...นี่ละความรัก
  เปลี่ยนนิสัยการใช้จ่าย
จาก คนขี้เหนียวก็ยอมควักกระเป๋ามากขึ้น จากคนฟุ่มเฟือยก็รู้จักประหยัดบ้าง ประเด็นจริงๆไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่การเต็มใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินนั้นเป็นผลโดยตรงจากการตีค่าคน อื่น รวมทั้งมุมมองและความคิดเห็นด้วย ความสัมพันธ์ที่ดีจะเปลี่ยนแปลงตัวเรา ถ้าการอยู่กับสุดที่รักจะทำให้เราเปลี่ยนการใช้เงินละก็ นี่อาจไม่ใช่แค่ความรัก แต่ยังชี้ให้เห็นถึงการให้เกียรติ การยอมเรียนจากอีกฝ่าย และความสัมพันธ์ซึ่งเรารู้สึกปลอดภัยถึงกับยอมลองเปลี่ยนแปลงเรื่องแบบนี้
  การงดทำอะไรกันก็มีความสุขได้
ใน ช่วงแรกของการเดท ต่างคนต่างกระหายที่จะค้นหาทุกอย่างในตัวอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่อย่างที่คิด และตัวเราไม่ใช่อย่างที่เขาหวัง ดังนั้นเพื่อเรียนรู้ทำความรู้จักกัน จึงต้องหากิจกรรมทำด้วยกันตลอดเวลา ไม่ว่าในที่ลับและที่แจ้ง เมื่อพัฒนาไปถึงขั้นมีเซ็กส์ด้วยกันแล้ว ก็จะเกิดความรู้สึกอยากแสดงความอ่อนโยนในจิตใจต่อกัน เพราะรู้สึกว่าสองเราได้เชื่อมต่อถึงกันแล้ว และเมื่อเวลาผ่านไป ถ้าสองเราเกิดไอเดียขึ้นมาว่าสามารถมีความสุขเวลาอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ต้อง ทำอะไรกันก็ได้ แสดงว่านี่คือความรักแน่แท้ เพราะทั้งคู่ได้เลยขั้นตอนของความกลัว เซ็กส์ และการโชว์กึ๋นใส่กันแล้ว ตอนนี้ชีวิตปกติของแต่ละฝ่ายได้รวมเอาอีกคนเข้ามาหลอมรวมอยู่ด้วยกัน นี่คือความสัมพันธ์ที่เลิศมากค่ะ


ขอบคุณที่มาบทความจาก
msn
Continue Reading...

Monday, November 2, 2009

สมัยเด็กๆคุณเล่นอะไร โตมาเป็นแบบนั้น (เบาสมองจากข่าวเครียดๆ)แบร่ๆ(- -



ลองมารำลึกถึงความหลังกันดูหน่อยไหม
ยัง จำได้ไหม เด็กทุกคน หรือแม้แต่ตัวคุณเองที่เคยผ่านช่วงเวลาในวัยเยาว์ (สำหรับบางคนนานมาแล้ว แต่บางคนก็เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน) ล้วนช่างฝัน ช่างคิด ช่างจำนรรจา ช่างสร้างสรรค์ ร้องไห้ง่าย เสียใจง่าย แต่ก็ยิ้มและหัวเราะได้ง่าย ๆ พอกัน ถึงวันนี้เวลาทำหน้าที่ของมันเปลี่ยนผ่านนำพามาซึ่งสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต ที่เข้ามาพร้อมกับ “วัย” ใหม่ ช่วงชีวิตใหม่ จนเรื่องราวตอนเป็นเด็กกลาย เป็นเพียงความทรงจำที่นอนแน่นิ่งอยู่ก้นบึ้ง วันนี้ ชวนคุณผู้ใหญ่หรือผู้เล็กทั้งหลาย มานั่งย้อนเวลาหาอดีต นั่งคิดถึงของเล่น หรือการละเล่นในอดีตที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นชีวิต จิตใจของคุณ และสิ่งที่คุณเคยเล่นจนติดหนึบมาแล้วนั้น ก็บ่งบอกตัวตนของคุณได้ส่วนหนึ่งเช่นกัน



 ดีดลูกแก้ว

พัก เที่ยงของทุกวัน หลังรีบรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแบบอิ่มบ้างไม่อิ่มบ้าง เพราะห่วงเล่นเหลือกำลัง และกลัวเวลาพักจะหมด เป็นต้องพุ่งตรงไปที่สนามเด็กเล่น นัดกับแก๊งเพื่อนประถมฯ ไว้ที่หลุม (ลูกแก้ว) เดิม พร้อมเดินไปอย่างมาดมั่นและรีบร้อนด้วยลูกแก้วที่หนักจนกระเป๋ากางเกงตุง “ดีดลูกแก้ว” เด็กผู้ชายมักชอบเล่น แต่ก็มีสาวน้อยแก่นเซี้ยวบางคน ใจถึงท้าดวลดีดลูกแก้วกับเพื่อนผู้ชาย ใครมีกำลังดีดดี ลงหลุมได้สวยงาม แถมโดนลูกของฝ่ายตรงข้าม ก็ได้ลูกแก้วไปครอง 4 ลูก 2 บาท แต่ความดีใจยามได้ลูกแก้วล้นกระเป๋ากลับบ้าน ประหนึ่งได้ถ้วยโอลิมปิกไม่ปานเลย

ถ้า ชอบเล่นลูกแก้วมากเหลือเกินตอนเด็ก ๆ แสดงว่าคุณคงเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย กล้าเจ็บตัว ไม่สนหรอกกับของพนันเล็กๆ น้อยๆ หากแต่บรรยากาศกลางหลุมดินที่อุตส่าห์แอบไปขุดไว้หลุมเล็กนั้นๆ ช่างเป็นบรรยากาศที่เย้ายวนใจเสียเหลือเกิน






ติดการ์ตูนเป็นชีวิต

  เช้าวันเสาร์อาทิตย์ เป็นต้องตื่นตั้งแต่ไก่โห่ เผลอๆ ตื่นเร็วกว่าวันไปโรงเรียนเสียอีก เพื่อเฝ้าหน้าจอ ดูรายการโปรด อาทิ การ์ตูน หนังจักรๆ วงศ์ๆ หนังจีนวิทยายุทธ์เจ้ายุทธจักรอันลือเลื่อง หรือสารคดีเล็กๆ เรื่องราวของเด็กๆ ในป่าใหญ่ ที่เด็กเมืองไม่มีโอกาสได้สัมผัส แถมสมัยก่อนยังมีม้วนวิดีโอสะสมไว้เป็นคอลเลกชัน ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนเทพนิยาย การ์ตูนต่อสู้ การ์ตูนผจญภัย การ์ตูนแฟนตาซี หรือเพื่อนซี้แมวหุ่นยนต์สุดอมตะตลอดกาลอย่างโดราเอมอน ส่วนเด็กสมัยนี้มีทั้ง วิซีดี ดีวีดี เอ็มพี 3 และคอมพิวเตอร์ รวดเร็วทันใจ อยากดูอะไรแทบไม่ต้องรอคอย

ถ้าตอนเด็กคุณติดโทรทัศน์ หนัง ละคร การ์ตูน หรือแม้กระทั่งนั่งดูข่าวกับพ่อแม่ นั่นคือคุณค่อนข้างช่างจินตนาการ ทว่าบางทีก็ไม่ค่อยขยันสักเท่าไหร่ พูดง่ายๆ ว่าขี้เกียจ แต่ก็จะมีความรู้เยอะ (นำไปต่อยอดได้หรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่อง) คุณขี้เหงา และติดอะไรง่ายๆ คล้อยตามง่าย และค่อนข้างเป็นคนยึดติดกับอะไรเดิมๆ ด้วย




โดดหนังยาง
 

ส่วน มากจะเป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงเล่นกัน (แต่เรามักจะมีเพื่อนผู้ชายสักคนอยู่ในกลุ่มเป็นตัวยืนเสมออย่างจำใจยอม) และเด็กผู้หญิงเกือบทุกคนเคยผ่านการกระโดดหนังยางมาก่อน ซึ่งก็มีทักษะตามความสามารถพอตัวแต่ละคนต่างๆ กันไป แล้วแต่หุ่น และความคล่องแคล่ว ปราดเปรียวเป็นเรื่องของบุคคล ท่าไหนขอให้บอก โดดได้หมด และอย่าได้มีวันท้าประลองเลยทีเดียวเชียว เพราะจะต้องตื่นเต้นและเตรียมตัวฟิตมาอย่างดี ประหนึ่งจะไปแข่งยิมนาสติกกันเลยทีเดียว
 
โต ขึ้นมาก็มีนิสัยเป็นเด็กผู้หญิงนี่ล่ะ ช่างเมาท์ ช่างจัดการ จู้จี้ รักสวยรักงาม คล่องแคล่วปราดเปรียว รักสุขภาพ ชอบออกกำลังกาย และเวลาที่เป็นสุขคือการได้รวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนสาวคอเดียวกัน เม้าท์ไปด้วย กินไปด้วย บริหารเสน่ห์ไปด้วย อะไรจะสนุกและสุขเช่นนี้





 อ่านหนังสือ ฟังเพลงเงียบๆ คนเดียว
 

 บาง ทีในละแวกบ้านอาจไม่ค่อยมีเด็กรุ่นราวคราว เดียวกัน ทำให้คุณต้องกลายเป็นเด็กที่ต้องอยู่คนเดียว ไม่มีกลุ่มก๊วนไปโดยปริยาย ทำให้คุณมีโลกของตัวเองแบบเงียบๆ แต่ก็ยังสร้างสรรค์ เพลงฮิตๆ ดังๆ ในยุคนั้นเป็นต้องได้ผ่านหูคุณแน่ อ่านหนังสือทุกประเภท เป็นแฟนการ์ตูนบ้าง นิตยสารบ้าง บางทีก็วาดรูปทำงานศิลปะประดิดประดอยของคุณไปเรื่อยเปื่อย

รู้ ไหมว่า ชีวิตวัยเด็กที่แสนเรียบง่ายแบบนี้ หล่อหลอมให้คุณโตมาเป็นคนเงียบๆ ที่สร้างสรรค์ ค่อนข้างมีศิลปะ อยู่ในโลกส่วนตัวและหวงมันมากด้วย เป็นตัวของตัวเอง มีความคิด มีจิตวิทยา เงียบขรึม ทว่าก็พูดน้อยต่อยหนักเช่นกัน รักสันโดษและไม่ชอบสังคม ชอบคิดมากกว่าพูด ไม่ค่อยแสดงออก ถ้ามีปัญหาก็คือเก็บ บางทีก็กดไว้ไม่แสดงออกมา




 เล่นกีฬา...บ้าโลดโผน
 
ขี่ จักรยาน ยุคนั้นต้องบีเอ็มเอ๊กซ์เสียด้วยนะ เล่นบาสบ้าง บอลบ้าง ตะกร้อบ้าง ชอบมากได้ว่ายน้ำ กระโดดตูมๆ สุดสะใจวัยโจ๋เด็กเขาเลย ไม่มีอะไรทำก็ออกไปปีนต้นไม้ เก็บตะขบ มะยม ราวกับว่าการได้กินอะไรสดๆ จากต้นที่มาจากแรงของคุณเก็บแบบนั้น มันอร่อยเอามากๆ กว่าข้าวที่แม่ทำไว้ให้
เป็นเด็กบ้าพลัง

โต ขึ้นก็ยังบ้าบ้างถ้ามีเวลา ไม่ชอบอยู่นิ่งอยู่เฉย รักความโลดโผน ชอบผจญภัย ใจกล้า กล้าได้กล้าเสีย กล้าทดลอง สรุปเลยเป็นคนกล้าหาญ ไม่ค่อยกลัวอะไร เข้มแข็ง อดทน เป็นมนุษย์อึดคนหนึ่งทีเดียว



เกมลับสมอง

เกม เศรษฐี เกมโดมิโน เกมบิงโก เล่นไพ่กระดาษ ที่ใช้ไพ่ทรงพลังทั้งหลายที่แถมมาจากขนมนั่นล่ะ เป็นเดิมพัน เกมปริศนาอักษรไขว้ นี่ถูกใจคุณนัก เล่นได้ทั้งวันไม่รู้เบื่อ

คุณ เป็นคนฉลาดเป็นกรด แถมแกมโกงเสียด้วย ช่างคิด ช่างคำนวณ เป็นคนละเอียดและค่อนข้างตระหนี่ มีเป้าหมายในชีวิตแบบชัดเจน แล้วก็มี ความมุ่งมั่นใช้ได้เลย



 แฟมิคอม - มาสเตอร์ซิสเตม - อาตาริ 7800 (รุ่นอาตารินี้หาไม่ได้อีกแล้ว)
 
 ไฮเทคแต่เด็ก...เจ้าพ่อ-เจ้าแม่วิดีโอเกม 55+

สมัย ก่อนยุคประมาณคนที่เกิดในช่วงปีพ.ศ. 2519-2527 คอมพิวเตอร์ยังไม่แพร่หลายและไฮเทคเท่าตอนนี้ เรียกว่าเรามีเครื่องวิดีโอเกมแฟมิลี่ ที่ตลับเกมใหญ่กว่าตลับเทปคาสเสต นี่ก็สุดเจ๋งแล้ว เกมเตอร์ติสเอย มาริโอเอย บอมเบอร์แมนเอย คอนทราเอย คุณเล่นได้หมด และก็เล่นอยู่อย่างนั้นทั้งวี่วัน เล่นเหมือนกับว่าพอทะลุครบได้ทุกด่านแล้วจะได้เงินอย่างนั้นล่ะ

คุณ เป็นคนไฮเทคนะคะ ถือว่าไฮเทคในยุคนั้นก็ว่าได้ โตขึ้นมาเลยเป็นคนอินเทรนด์ ชอบความตื่นเต้นเร้าใจ ทำอะไรรวดเร็ว ปรู๊ดปร๊าด แต่ไม่ค่อยชอบตรองก่อนทำ คือมือไวใจเร็วว่างั้น



 ตุ๊กตากระดาษ, พ่อแม่ลูก, สร้างบ้านในจินตนาการ ฯลฯ
 
ตุ๊กตา กระดาษที่ถูกตั้งชื่อไว้อย่างดี เป็นอาซูมิ ชิซึกะ ตามประสาที่เด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ จะนึกได้ หรือไม่พอถึงเวลาก็จะไปตามหนูๆ น้องๆ มาเล่นเป็นพ่อแม่ลูก เล่นเป็นคุณครู-นักเรียน อาชีพที่เด็กๆ ทุกคนเฝ้าใฝ่ฝัน เพราะเป็นประดุจฮีโร่ของคุณในช่วงเวลานั้น บางเวลานึกสนุก คุณก็ไปหาผ้าม่าน ผ้าห่ม มาสร้างเป็นกระโจม บ้านหลังใหญ่ในจินตนาการของเด็กตัวเล็กๆ

เล่น แบบนี้ตอนเด็ก โตขึ้นมามีแนวโน้มว่าเป็นคนน่าทะนุถนอมบอบบาง ช่างจินตนาการ ฝันอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น มีความรักในอุดมคติ โลกนี้เป็นสีชมพูได้เลยสำหรับคุณ อยากมีคนรัก ขี้เหงาและช่างฝัน มีเสน่ห์ตรงความอ่อนหวานและอ่อนโยน



 Thanks2ข้อมูล :Administrator kroobannok( ;p Joob Joob)





ของเล่นคนยุคนี้ ใครก็มี.........................แป่วววว~
V
V
V
V

 


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://talk.mthai.com/
Continue Reading...

น้องปอย เผยซุ่มดูใจวัยละอ่อน

ปอย ตรีชฏา เพชรรัตน์     
สวย ถูกสาปจริงๆค๊าหนู ''ปอย ตรีชฎา'' จัดว่าเป็นสาวประเภทสองที่เพอร์เฟคสุดๆ แต่ดั๊น เปิดตัวผู้ชายที่ซุ่มดูใจทีไร เป็นเรื่อง ทู้กที เปิดปุ๊บ เลิกปั๊บ งานนี้ คุณเธอ ยังตีลังกายันว่า เจ ทายาทบีทาเก้นแค่ตัวหลอกเท่านั้น ไม่มีอะไรในกอไผ่ แบไต๋ว่า ปัจจุบัน ดูใจกับ หนุ่มละอ่อน อายุน้อยกว่าหลายปี

หนุ่มผู้โชคดีคนนั้น เป็นคนนอกหรือในวงการจ๊ะคุณน้อง ?
อืม ม ไม่อยากบอกอ่ะ บอกแค่เค้าอายุน้อยกว่า เป็นรุ่นน้องเรา  เคยบอกไปแล้วมันมีปัญหา ไม่อยากให้เป็นเหมือนคราวก่อน อยู่เงียบๆแบบนี้ดีแล้วค่ะ เพราะเรายังไม่ถึงขั้นเป็นแฟน แค่โทรคุยกัน ดูๆกันไปก่อน ถ้าเปิดตัวตอนนี้แล้วมันไม่ใช่ เสียความรู้สึกกันเปล่าๆ อยากให้แน่ใจกว่านี้

แหม คนอื่นเปิดตัวหมด ไหงคนนี้ปิดเงียบ ไม่กลัวฝ่ายชายน้อยใจเหรอ ?

เรา คุยกันเข้าใจค่ะ  หนูรู้สึกอึดอัดถ้าเราเปิดตัวไป แล้วถูกจับตามอง ไปไหนด้วยกันเยอะคนมองมันก็รู้สึกแปลกๆ ก็คุยกับเค้าว่า เราดูๆกันไปก่อนแล้วกัน ยังไม่ได้เลื่อนขั้นอยู่ในฐานะแฟน 
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก รองจากคาสโนว่านิรนามที่ตามขายขนมจีบรึเปล่า?
อย่า พูดแบบนั้น คือตอนนี้คุยกับเค้าคนเดียว ไม่ค่อยมีหรอกค่ะไม่พูดถึงคนอื่นดีกว่า กลัวเป็นประเด็นอีก คาสโนว่าเหรอ ใครชอบหนูตามจีบหนูให้เค้าพูดเองดีกว่า ไม่อยากเป็นคนบอกก่อน เพราะที่ผ่านมา มันเป็นปัญหาไง ตอนคุยกันไม่มีใครรู้เรื่อง เราก็ไม่รู้ พอเปิดตัว จู่ๆเค้ามีแฟน หนูก็เสียอีก 

แล้วคนนี้สกรีนดีรึยังจ๊ว่าเค้าไร้พันธะจริง?
อย่าง ที่บอกว่าต้องใช้เวลา ตรงจุดนี้ เราเป็นเพื่อนกัน คุยกันถูกคอ คราวนี้ต้องศึกษานานๆแล้ว เพราะกลัวเหมือนกัน เลยไม่อยากพูดอะไรมาก ถ้าเรามั่นใจหรือเลื่อนขั้นมาคบกันค่อยพูดดีกว่า 

หลายคนมองว่าน้องปอย อุบเรื่องแฟน สร้างกระแสเรียกงาน?
ไม่ จริงเลย ปอยมีงานตลอดอยู่แล้ว อย่างงานอีเว้นท์ ผู้จัดการปอยหาให้ตลอด ไม่ต้องใช้กระแสข่าวหรอกค่ะ น้องปอยก็มีเหตุผลอย่างที่บอกมาทั้งหมดจริงๆ แล้วเราก็เคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เสียความรู้สึกมาแล้ว

คบกันแบบลับๆล่อๆ ไม่อึดอัดแย่เหรอจ๊ะ?
แฮปปี้ แล้ว ในฐานะเพื่อน ไม่คาดหวังอะไรมาก จะอึดอัดก็ต่อเมื่อ ไปไหนมาไหนด้วยกัน แล้วต้องถูกจ้องตลอด หนูยังพอทนได้ แต่กลัวเค้าอึดอัด เราตกลงกันว่าคบแบบนี้ดีแล้ว


ที่มาจาก :  Gossip

Continue Reading...

10 สถานที่ดักหาแฟน



  1. ในห้องเรียน

     ใน ห้องเรียนเนี่ยนะ จะเป็นการเรียนในด้านใด ก็ได้ แต่อยากแนะนำให้เข้าคอร์สเรียนตลกกันดีกว่า เพราะคนที่ไปเรียนคอร์สนี้มักสดใสร่าเริง ดังนั้นโอกาส ที่คุณจะได้เจอกับคนรักสนุก หรือพูดง่ายๆว่า คอเดียว กันก็เยอะมากเท่านั้น โอกาสจะสร้างสัมพันธ์ก็ง่ายขึ้น
  2. สนามกีฬา

      แม้ ว่าคุณจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกีฬาเลยสักนิด แต่สาวๆ สามารถสนุกสนาน กับการนั่งอยู่ภายนอกสนามกีฬาได้นี่นา ประโยชน์ที่คุณจะได้รับกลับมาที่นี่ นอกเหนือจากการนั่งเชียร์กีฬาประเภทที่คุณรู้ มั่ง-ไม่รู้มั่งก็คือ มีชายหนุ่มเยอะจะตายที่นิยมกีฬา เป็นชีวิตจิตใจ และพวกเขานั่งขนาบคุณไว้ทั้งหน้า และหลังซะด้วยซี ฉะนั้นสนามกีฬานี่แหละเป็นศูนย์ รวมของหนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่ที่จะดาหน้ามาให้ คุณเลือกตรึม
  3. ชมรมดนตรี

     ชวน กลุ่มเพื่อนสาวๆไปไนต์คลับที่มีวงดนตรีเล่นสิ คุณอาจพบกับหนุ่มกลัดมัน เอ๊ย...กลุ่มหนุ่ม นักดนตรี ซึ่งต้องมีสักคนสิน่าที่หน้าตาพอดูได้และเขาก็สนใจคุณด้วย แต่อย่าไปหลงใหลกับเสียงดนตรีให้มากนัก เพราะมีนะศิลปินนักร้องที่ส่งเสียงร้องเพลง ทรมานใจคุณให้ละลายได้แถมคุณก็ปลื้มเขาบนเวที ซะด้วย แต่พอลงจากเวที เขาอาจเป็นหนุ่มไม่น่าพิสมัย เอาซะเลยในชีวิตจริงก็ได้ เพราะเจ้าความเป็นศิลปิน ที่ไม่อยู่กะร่องกะรอย อยากทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจสังคม และคนรอบข้างนี่แหละอาจทำให้ชีช้ำล่ะ

  4. การประชุมทางธุรกิจ

      การ พบและพูดคุยเพื่อเสริมความก้าวหน้าใน หน้าที่การงานของคุณ คือแรงจูงใจที่จะช่วยให้คุณได้พบคนรักได้นะ ส่วนใหญ่การประชุมทางธุรกิจ หรือ การสัมมนาเต็มไปด้วยคนใหม่ๆที่ฉลาดและมีความทะเยอทะยานสูง คนเหล่านี้แหละที่จะเป็นเพื่อนพูดคุย ที่ดีของคุณได้ เอางี้ รุกด้วยบทสนทนาที่เกี่ยวกับ ผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจระหว่างคุณกับเขาก่อน จากนั้นถามเขาว่า คุณประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไรนะ? จะช่วยให้หนูเรียนรู้เส้นทางชีวิต ของเขาก่อนตัดสินใจผูกสมัครรักใคร่กันไงล่ะ ขยันถามเรื่องหน้าที่การงานของเขาเข้าไปเหอะ เดี๋ยวก็มี ปลามาติดเบ็ดเองหละ


  5. บริจาคเลือด

      ผู้ชายที่กล้าบริจาคเลือดให้โรงพยาบาล หรือแม้แต่ สภากาชาด แสดงว่าเป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เหตุนี้ถ้าสาวใดไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆสถานบริจาคโลหิตแล้วได้ผูกไมตรีกับ หนุ่มน้อย หน้าใสสักคนสองคนละก็ ถ้าสามารถจูนคลื่นความเลิฟได้ก็ดีน่ะเซ่ อ้อ อย่าลืมขอเบอร์โทร. และให้เบอร์ของคุณกับเขาด้วยนะ อ่อยให้ สุดๆก่อนจะไม่ได้อ่อย ...ตรงไปรึเปล่า?


  6. ที่ประชุมวิทยาศาสตร์ล้ำยุค

      คุณอาจพบชายที่หน้าตาเหมือนตัวตลกสักหน่อยที่นั่น บางคนงี้ใส่แว่นซะหนาเตอะ ดูเป็นเด็กเรียนมากกว่าเป็นคนทันสมัยหรือตามแฟชั่น อย่างไรก็ตาม คนแบบนี้ไม่ค่อยกะล่อนเท่าไหร่ จึงอาจ ไม่เปรี้ยวจัดจนเข็ดฟัน แต่คุณจะได้พบกับคนที่ดูฉลาดมีมันสมองแบบไอน์สไตน์อะไรปานนั้น ถ้าอยากได้แฟนมีสมองดีแทนหน้าตาดีละก็ สถานที่อย่างนี้ล่ะชวนให้มีแฟนยิ่งนัก
  7. ที่ผับหรือบาร์

      ถ้ารู้ตัวว่าไม่ชอบไฮโซไฮเซอร์เท่าไหร่ก็อย่า ไปหา "คนรู้ใจ" ที่สปอร์ตคลับสุดหรูเลยพับผ่า เพราะที่นั่นจะเต็มไปด้วยสาวๆเซ็กซี่ หัวสูง หรือชายเจ้าสำอาง ซึ่งลองชั่งใจดูละกันว่าเหมาะกะคุณไหม? ถ้าใช่ก็ลุย แต่ถ้าไม่ก็เลี่ยงไปผับ หรือบาร์เล็กๆเถอะ คุณจะได้พบหนุ่มน่ารัก ชอบทำตัวสบายๆ แต่สันหลัง ยาว...อิอิ พูด ตรงไปไหม เนี่ยแน่ สถานที่แบบนี้หนุ่มๆชอบเดินไปเดินมาทักทายสาวๆ ซึ่งเป็นคนแปลกหน้าดี นักแหละ
  8. งานมอเตอร์โชว์

      ผู้ชายคนไหนๆ ก็ชอบรถด้วยกันทั้งนั้นแหละ ตั้งแต่สามล้อถีบ, มอเตอร์ไซค์, รถยนต์ ไปจนถึงรถโฟร์วีลไดร์ แล้วผู้คนที่แห่แหนไปเที่ยวงานมอเตอร์โชว์น่ะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เพราะหนุ่มๆรู้สึกจะคลั่งไคล้เครื่องยนต์กลไกเป็นพิเศษ บางคนถนอมรถมากกว่าถนอมคนรักซะด้วยซ้ำ แต่ ทางที่ดีควรหาใครที่ให้ความสำคัญของรถสุดที่รัก ของเขาให้เท่ากับแฟนก็แล้วกัน เอา (เรือน) ร่างไป เบียดในมอเตอร์โชว์ โอ๊ยคุ้มจะตาย
  9. ทางอินเตอร์เน็ต

     การหาคู่ทางอินเตอร์เน็ตน่ะ ถ้าเคยเข้าไปดอท คอม จะเห็นเว็บไซต์ประเภทนี้แน่นอน หากวันๆ เอาแต่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืนจนไม่มีเวลา สวิงริงโก้ไปแสวงหาแฟนจากที่ไหนล่ะก็จะพึ่งพาอินเตอร์เน็ตเป็นรถด่วนขบวนสุด ท้ายยังได้นะ

      ว่าแต่การหา "ดาร์ลิ่ง" ทางอินเตอร์เน็ตน่ะ ก็ควรระมัดระวังนะจ๊ะ เพราะแหม ต่อให้เราเป็นคน รอบคอบและมีความระมัดระวังแค่ไหน ก็ไม่มีทางรู้กำพืดทั้งหมดของคนที่เราติดอกติดใจเค้าทางอินเตอร์เน็ตหรอก แถมบางคนอาจเป็นอาชญากร ที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งหาเหยื่อก็เยอะ ระวังไว้ดีก่าเสียใจทีหลัง


  10. ที่บ้านตัวเองนั่นแหละ

     ก็หาแฟนด้วยการจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านขึ้นมาเด้ จะไปยากอะไร แต่ในเมื่อจะจัดงานที่บ้านทั้งที ควรประเมินด้วยว่า บ้านของคุณสวยพอที่จะสามารถอ้าปากชวนใครไปบ้านแล้วไม่อายเค้า เพราะไม่งั้นก็ย้ายไปจัดที่ร้านหรือบ้านญาติแทนก็ได้ หวังว่าพอจะมีไอเดียหาแฟนกันแล้วนะยะ.


ขอบคุณ : board.siamyim.net
Continue Reading...

Saturday, October 31, 2009

นมถั่วเหลือง ดีกว่า นมวัว จริงเหรอ?

นมถั่วเหลือง  ดีกว่า  นมวัว  จริงเหรอ?


นมถั่วเหลือง



     "ที่เค้าว่านมถั่วเหลืองดีอย่างโน้นอย่างนี้ แถมราคาก็ถูกกว่านมวัว แล้วอย่างนี้เราจะหันมาดื่มนมถั่วเหลืองแทนนมวัวซะเลยจะดีไหม"

    
คำถามนี้เคยเกิดขึ้นในใจ คุณบ้างรึเปล่า? วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยที่ว่านี้กันให้ชัด ๆ เลย

    
ใน เรื่องของโปรตีน ถ้าทำน้ำถั่วเหลืองจากสูตร ถั่วเหลือง 1 ส่วนต่อน้ำ 8 ส่วน จะได้โปรตีนใกล้เคียงกับนมวัว คือ ดื่มนมถั่วเหลือง 1 แก้ว (200 มิลลิลิตร) จะได้โปรตีน ประมาณ 6 กรัม (นมวัว 1 แก้ว จะได้โปรตีนประมาณ 7 กรัม) แต่คุณภาพโปรตีนในนมวัวมีความสมบูรณ์ของกรดอะมิโนที่เป็นส่วนประกอบของ โปรตีนดีกว่าโปรตีนจากถั่วเหลืองที่มาจากพืช แต่คุณภาพของโปตีนในนมถั่วเหลือง ก็สามารถเสริมให้ดีขึ้นได้ ด้วยการเติมเครื่องต่าง ๆ อย่างที่นิยมกัน เช่น ลูกเดือย สาคู ถั่วแดงลงไป ได้ทั้งความอร่อยแถมคุณค่าของโปรตีนสมบูรณ์ขึ้น

    
พลังงานที่ได้จากนมวัวจะมีไขมันมากกว่านมถั่วเหลืองถึง 2 เท่า คือนม วัว 1 แก้วจะให้พลังงาน ประมาณ 170 แคลอรี่ ส่วนนมถั่วเหลืองจะให้เพียง 80 แคลอรี่ เท่านั้น แต่คนที่ดื่มนมถั่วเหลืองเติมน้ำตาลมาก จนมีรสหวานกว่านมสดรสหวาน ก็จะได้พลังงานทั้งหมดพอ ๆ กัน แม้ว่านมถั่วเหลืองจะให้แคลเซียมที่น้อยกว่านมวัว แต่ให้ธาตุเหล็กและวิตามินบีหนึ่งที่มากกว่า

    
เราดื่มนมถั่วเหลืองทดแทนนมวัวไม่ได้ เพราะจะมีแคลเซียมน้อยกว่านมวัวอยู่มาก แต่หากมีการเสริมแคลเซียมลงในนมถั่วเหลือง ก็เท่ากับว่าเสริมคุณค่าทางโภชนาการให้สมบูรณ์มากขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการดื่มนมถั่วเหลืองเป็นอาหารเสริมก็ควรดื่ม วันละ 1-2 แก้ว

    
หากเป็น นมถั่วเหลืองธรรมดา ที่ไม่ได้มีการเสริมแคลเซียม ขอแนะนำให้ดื่มนมวัวบ้างประมาณวันละ 1-2 แก้ว สำหรับผู้ใหญ่ หรือ 2-3 แก้วสำหรับเด็ก เช่นเดียวกับหญิงมีครรภ์หรือให้นมบุตร เพื่อจะได้แคลเซียมอย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในสภาวะนั้นๆ


ขอบคุณที่มาบทความจาก 
www.healthcorners.com
Continue Reading...

Wednesday, October 28, 2009

ชุดชั้นใน ที่คุณใส่อยู่ ถูกต้องต่อ สุขภาพ สรีระ หรือยัง?

ชุดชั้นใน ที่คุณใส่อยู่ ถูกต้องต่อ สุขภาพ สรีระ หรือยัง?
THE PERFECT CHECKLIST BY SABINA



     ความสวยงามต้องคู่กับควมถูกต้องด้วย จะสวยแบบผิด ๆ ก็คงไม่ดีแน่ ดังนั้นลองเช็คดูหน่อย...มั้ย ว่ามีอะไรที่คุณทำพลาดไปรึป่าว...


เรียบเนียน  เป็นเนื้อเดียวกัน
     ขอบของคัพเสื้อชั้นในต้องแนบสนิทกับหน้าอก ต้องไม่มีช่องว่างให้เห็นโดยเฉพาะเสื้อชั้นในที่เป็นแบบเสริมทรง ต้องไม่มีรอยยับย่นด้านข้าง หรืออกด้านหน้าล้น ถ้าเกิดช่องว่างแสดงว่าคุณต้องเปลี่ยนไซส์ให้เล็กลงได้แล้ว หรือเนื้อหน้าอกล้นออกจากคัพของเสื้อชั้นใน ควรลองไซส์ที่คัพใหญ่ขึ้น หรือเลือกเสื้อชั้นในที่เป็นแบบเต็มทรง



ด้านหลังต่ำกว่าด้านหน้า
       ขอบรอบตัวเสื้อชั้นในตำแหน่งด้านหลัง หรือตำแหน่งตะขอหลังควรอยู่ต่ำกว่าด้านหน้าเล็กน้อย แต่ต้องไม่รั้งจนเสื้อชั้นในด้านหน้าลอยขึ้นมาทับบริเวณหน้าอก



ชุดชั้นใน






ไม่หลุด ไม่หลวม ไม่รัด
      สายเสื้อชั้นในควรอยู่ในตำแหน่งตรงกลางของไหล่ ไม่หลุด ไม่หลวมและไม่รัด ถ้าปรับระดับแล้วยังไม่ได้ผล ควรลองปรับไซส์รอบตัวที่เล็กกว่าเดิม







โครงโค้งสวยงาม
     ดูแลรักษาโครงลวดเสริมของเสื้อชั้นในของคุณให้อยู่ในสภาพที่ดี โค้งเป็นรูปแบบเกือกม้าที่สวยงาม อะไรที่บิด ๆ เบี้ยว ให้โละทิ้งไปได้เลย เพราะเจ้าโครงนี้แหละจะช่วยดูแลรักษารูปทรงของอกคุณ ไม่หย่อนและยานก่อนวัยอันควร







Good Breast
     เวลาใส่เสื้อชั้นในควรให้ตำแหน่งของหน้าอกอยู่ตรงกลางระหว่างไหล่ และข้อศอก ในขณะปล่อยแขนอยู่แนบลำตัว ซึ่งจะช่วยให้รูปทรงของหน้าอก  และรูปร่างดูกระชับมากขึ้นได้อีกด้วย



กระชับ รัด สัดส่วน
     เสื้อชั้นในต้องกระชับ รัด สัดส่วน ซึ่งหน้าอกจะต้องไม่เคลื่อนที่ตามแรงที่เราแกว่งแขน หรือเหวี่ยงแขนแรง ๆ









  ชุดชั้นใน






อย่าให้แน่นเกินไป
    สายรอบตัวของเสื้อชั้นใน ไม่ควรรัดแน่นจนเกินไป ลองทดสอบง่าย ๆ โดยใช้นิ้วชี้สอดเข้าใต้รอบตัวของเสื้อชั้นในด้านหน้า ถ้าไม่สามารถสอดนิ้วเข้าไปได้เลย แสดงว่าแน่นเกินไปแล้ว ลองปรับตะขอออกหนึ่งระดับน่าจะดีขึ้น



  ชุดชั้นใน


ใส่ใจในรายละเอียดเพิ่มขึ้น
    อย่ายึดติดกับเสื้อชั้นในสีพื้นเรียบ ๆ ลองเลือกอะไรที่มีลูกเล่น และสีสันสดใสมากขึ้น คุณจะรู้สึกสดใสทุกวันเมื่อได้ใส่



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://women.mthai.com/
Continue Reading...

Tuesday, October 27, 2009

นางสาวไทย เปิดตำนาน มงกุฎนางสาวไทย จากอดีตสู่ปัจจุบัน

นางสาวไทย 
กาลเวลาผันผ่านมากว่า 7 ทศวรรษ สำหรับการประกวด "นางสาวไทย" เวทีอันทรงเกียรติของสาวงามที่เพียบพร้อมด้วยความงาม ความสามารถ และไม่ว่ายุคสมัยใด อีกหนึ่งสิ่งที่งดงามและอยู่คู่เวทีและสาวงาม ก็คือ "มงกุฎ" รางวัลอันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความงดงาม ความสามารถของสาวไทยผู้ครอบครอง โดยแต่ละยุคสมัยได้มีวิวัฒนาการการออกแบบที่สวยงามต่างกันไป ตั้งแต่ยุคนางสาวสยามต่อมาเป็นนางสาวไทย จนถึงปัจจุบันในยุค ที่ 6 ซึ่งสนับสนุนโดยสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ และกำลังเฟ้นหาผู้ครองมงกุฎคนใหม่ คนที่ 45 ภายใต้แนวคิด "ทอแสงงามแห่งจิตใจ" ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ ณ โรงละครอักษรา และชมการถ่ายทอดผ่านโมเดิร์นไนน์ทีวี ในเวลา 22.15 น. ของคืนวันเดียวกัน
การประกวดนางสาวไทย แบ่งจนถึงปัจจุบันได้ทั้งสิ้น 6 ยุค การออกแบบมงกุฎมีความแตกต่างกันไป ยุคที่ 1 พ.ศ. 2477 - พ.ศ. 2483 มงกุฎทำจากผ้าปัก เป็นผ้ากำมะหยี่ ปักด้วยดิ้นเงินดิ้นทองเป็นลวดลายไทยต่างๆ เช่น ลายกนก ลายประจำยาม ประดับเพชรให้ดูระยิบระยับ ออกแบบจัดทำโดยกรมศิลปากร เป็นแบบแผนของการสรรสร้างมงกุฎนางสาวสยาม-นางสาวไทยในยุคบุกเบิก โดยในปี 2482 จากบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ให้ใช้คำว่า "ไทย" แทนคำว่า "สยาม" การ ประกวดนางสาวสยามจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น นางสาวไทยตั้งแต่นั้นมา และเป็นปีแรกที่กำเนิดสายสะพายนางสาวไทยด้วย จากนั้นในปี พ.ศ.2484 ประเทศไทยอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่มีการประกวดและใช้เวลาฟื้นฟูบ้านเมืองเป็นระยะเวลาหลายปี จนกระทั่ง ยุคที่ 2 พ.ศ. 2491 - 2497 รัฐบาลได้สนับสนุนให้จัดการประกวดนางสาวไทยขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ปี พ.ศ.2491 เป็นต้นมา เว้นไปหนึ่งปีคือ พ.ศ.2492 ซึ่งมีเพียงงานฉลองรัฐธรรมนูญเท่านั้น โดยสมัยนั้นมงกุฎยังทำจากผ้าปัก แต่มีการใช้เข็มกลัด และแหวนเพชร นำมาเสียบตกแต่ง จวบจนในปี พ.ศ.2497 เป็นปีสุดท้ายที่รัฐบาลมีบทบาทจัดการประกวด งานฉลองรัฐธรรมนูญได้ถูกยกเลิกไป เนื่องจากเหตุผลทางการเมือง การประกวดนางสาวไทยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานฉลองรัฐธรรมนูญจึงไม่ได้จัดขึ้น ด้วย แต่ระหว่างนั้นก็ยังมีการประกวดสาวงามอื่นๆ เวทีระดับท้องถิ่น และในโอกาสพิเศษเรื่อยมา จนถึงปี พ.ศ.2503 สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยฯ ได้ทดลองจัดการประกวด "นางงามวชิราวุธ" ขึ้น และริเริ่มให้เกิดประกวดนางสาวไทยขึ้นอีกครั้งใน ยุคที่ 3 พ.ศ. 2507 - 2515 ยกเว้นปี พ.ศ.2513 ไม่มีการประกวด ยุคนี้เป็นยุคแห่งการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยใช้ตำแหน่งนางสาวไทยเป็นสื่อเผยแพร่ชื่อเสียง และการประชาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งมงกุฏที่ใช้ได้เปลี่ยนจากมงกุฏผ้าปักมาเป็นมงกุฎเพชรเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นแบบเทียร่า (Tiara) คล้ายที่คาดผมมีลวดลายเป็นกระจัง ประดับเพชรแพรวพราวอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นก้านเล็กบางเบา ซึ่งออกแบบโดยสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยฯ มงกุฏชิ้นแรกนั้นตัวเรือนทำด้วยเงิน ประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ กว่า 200 เม็ด โดยนางสาวไทยที่ได้ครองมงกุฎเพชรคนแรก คือ อาภัสรา หงสกุล และเป็นนางงามจักรวาลคนแรกของไทย

ประภัสสร พานิชกุล ( นางงามมิตรภาพ ในการประกวด Miss Queen of The Pacific พ.ศ.2510 )
Prapassorn Panichakul ( Miss Congeniality of Queen of The Pacific 1967 )

จนมาในปี พ.ศ.2509 ได้มีการออกแบบมงกุฎใหม่ โดยฝีมือของสถาปนิกหนุ่มใหญ่ บุรินทร์ วงศ์สงวน ที่ปัจจุบันก็ยังฝากผลงานออกแบบมงกุฎจนถึงปีล่าสุด ซึ่งได้กล่าวว่า "ในปี พ.ศ.2509 ผมได้ออกแบบมงกุฏนางสาวไทยเป็นปีแรก โดยยึดตามแบบก่อนหน้า คือ แบบเทียร่า แต่ด้านหน้าจะดูใหญ่กว่าเสียหน่อย จนมาเปลี่ยนเป็นรูปแบบคราวน์ คือ ครอบรอบศีรษะ ในปี พ.ศ.2511 ของแสงเดือน แม้นวงศ์ และ พ.ศ. 2512 ของ วารุณี แสงศิรินาวิน ต่อมาในปี พ.ศ.2514 มงกุฎของ นิภาภัทร สุดศิริ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากมงกุฎแบบคราวน์แท้ๆ เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้มีน้ำหนักมาก จึงได้ประยุกต์มงกุฎแบบคราวน์นี้ใหม่ โดยยังคงความสูงที่ตรงกลางด้านหน้า แต่ค่อยๆ ลดระดับจากด้านข้างลงมาถึงด้านหลัง เพื่อให้น้ำหนักเบาลง ผมคิดว่ามงกุฎเป็นสิ่งสำคัญอยู่คู่นางงาม เป็นสัญลักษณ์และเสริมให้ดูสวยสง่า จึงต้องทำให้สวยงามและสะดวกสบายผู้ใส่ด้วย และนับจากนั้นก็ยังคงใช้รูปแบบคราวน์ ที่ลดหลั่นไปด้านหลังแบบนี้ จวบจนปัจจุบัน" บุรินทร์กล่าว
จนกระทั่ง ในปี พ.ศ.2516 เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในเดือนตุลาคม จึงได้ระงับการประกวดไปจนถึง พ.ศ. 2526 และได้รื้อฟื้นการจัดประกวดนางสาวไทยขึ้นอีกครั้ง เพื่อคัดเลือกตัวแทนไปประกวดนางงามจักรวาลใน ยุคที่ 4 พ.ศ.2527- พ.ศ.2542 ยกเว้นปี 2539 ไม่มีการจัดประกวด เนื่องจากมีงานพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งในยุคนี้สถานีโทรทัศน์สีช่อง 7 ได้เข้ามาร่วมจัดการประกวด มงกุฎของบุรินทร์ วงศ์สงวน ยังคงได้รับความสนใจ ที่โดดเด่น ได้แก่ มงกุฏของภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ในปี พ.ศ.2531 ซึ่งเห็นได้ชัดเจนถึงมงกุฎที่เป็นแบบคราวน์ และลดหลั่นไปด้านหลัง หรือมงกุฎของ ยลดา รองหานาม นางสาวไทยในปี 2532 เป็นชิ้นที่กล่าวขานกันว่าสวยที่สุด ซึ่งปีต่อๆมา ก็ยังเพิ่มเติมด้วยไอเดียใหม่ๆ เรื่อยมา ให้ดูทันสมัย เช่น มงกุฎของ ภัสราภรณ์ ชัยมงคล นางสาวไทยปี พ.ศ.2533 ดูสวยแหวกแนว ด้วยรูปเส้นดาวกระจาย ไม่มีลายกนก แต่เป็นลายสมัยใหม่ใช้มาประกอบกัน หรือ มงกุฎของ จิระประภา เศวตนันทน์ นางสาวไทยปี พ.ศ.2534 ก็นับว่าเป็นแบบเพอร์เฟ็กท์ ฟอร์ม ที่สุด มีการใช้เพชรสีน้ำเงินสีของของวชิราวุธมาตกแต่ง เป็นมงกุฏที่ได้มาตรฐานของยุค ต่อมาใน ยุคที่ 5 พ.ศ.2543 - พ.ศ.2550 ยกเว้นปี พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นยุคที่สถานีโทรทัศน์ไอทีวีได้เข้ามาร่วมจัดการประกวด มงกุฎยุคนี้ยังเป็นแบบคราวน์ มีการปรับดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ คือลวดลายภายในแตกต่างไปในแต่ละปี เช่น มงกุฎของ ปนัดดา วงศ์ผู้ดี นางสาวไทยปี พ.ศ. 2543 มีลวดลายที่อ่อนช้อย ละเอียด คล้ายกับเถาไม้เลื้อย ต่อมาในปี 2544 มงกุฎของ สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ได้พัฒนาต่อมาจากปีก่อน เพิ่มเพชรล้อมพลอยสีน้ำเงิน บนปลายมงกุฎ ร่วมกับลวดลายกระจัง มีความโดดเด่นและลงตัวที่สุด จนกลายเป็นต้นแบบของมงกุฎในยุคนี้




ซึ่งในบางปีจะมีการปรับ เปลี่ยนสีของอัญมณีที่ประดับบนหัวมงกุฎไปตามโอกาสพิเศษ เพื่อเป็นที่ระลึกในแต่ละปี เช่น มงกุฎของ สิรินทร์ยา สัตยาศัย นางสาวไทยปี พ.ศ.2547 เป็นสีฟ้าอ่อนเนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลอง ครบ 72 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ส่วนมงกุฎของ ลลนา ก้องธรนินทร์ นางสาวไทยปี พ.ศ. 2549 เป็นสีเหลือง เนื่องในวโรกาส พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เป็นต้น
ยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป เป็นยุคที่ อสมท หรือ สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ เข้ามาร่วมจัดการประกวด โดยมงกุฎของ พรรณประภา ยงค์ตระกูล นางสาวไทยปี พ.ศ.2551 ยังคงเป็นแบบคราวน์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากมงกุฎของ วารุณี แสงศิรินาวิน นางสาวไทยปี พ.ศ.2512 ซึ่งเป็นมงกุฏลักษณะแบบคราวน์สวมครอบบนศีรษะ ผสมผสานกับมงกุฎของ สุจิรา อรุณพิพัฒน์ นางสาวไทยปี พ.ศ.2544 ที่มีฟอร์มสวย ผสานกับรูปกลีบบัว โดดเด่นที่จี้เพชรทรงหยดน้ำห้อยที่ยอดมงกุฎ เมื่อมีการเคลื่อนไหวเพชรทรงหยดน้ำจะสร้างมิติ เปล่งประกายระยิบระยับ เฉกเช่นประกายงามแห่งปัญญา ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของการประกวดปีที่แล้ว
สำหรับมงกุฎนางสาวไทยปี พ.ศ.2552 นี้ ยังคงกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับปี 2551 เนื่องจากให้เกิดความสอดคล้อง ต่อเนื่อง และต้องการยึดเป็นต้นแบบเพื่อใช้สำหรับนางสาวไทยยุคใหม่ ที่ออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ ต่อไปในทุกๆ ปี การออกแบบผสมผสานจากแบบมงกุฎที่เป็นผลงานในอดีตของบุรินทร์ วงศ์สงวน ซึ่งยังคงรูปแบบคราวน์เอาไว้ ด้านหน้าเห็นเป็นยอดมงกุฎที่ลดหลั่นกันไป 3 ยอด ตัวเรือนทำด้วยเงินชุบทองคำขาว ประดับด้วยเพชรและมุกกว่า 1,000 เม็ด ส่องแสงระยิบระยับ มีตราเพชราวุธ ลงยาสีน้ำเงิน อันเป็นสีประจำสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ล้อมด้วยเพชรเพิ่มความโดดเด่นตระการตา ส่วนตรงฐานมีลักษณะคล้ายกลีบบัว ซึ่งเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความบริสุทธิ์ และสง่างาม ประดับด้วยไพลิน รอบตัวมงกุฎ มีความสวยงามอย่างลงตัว โดยใช้เวลาทำประมาณ 3 เดือน
มงกุฎอันสง่างาม รางวัลสูงสุดแห่งเวทีนางสาวไทย กำลังรอสาวงามผู้เพียบพร้อมด้วย ความรู้ ความสามารถ จิตใจที่งดงาม มาครอบครอง... ร่วมลุ้น เป็นกำลังใจ ให้พวกเธอได้ในรอบตัดสิน วันที่ 28 ตุลาคม 2552 ณ โรงละครอักษรา ถนนรางน้ำ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ในเวลา22.15 น. ของคืนเดียวกัน

โพสท์กระทู้โดย : เจ้าหญิง www.yenta4.com
    
กันยา เทียนสว่าง : Kanya Teinsawang               วณี เลาหเกียรติ : Wanee Laohakeit
    
วงเดือน ภูมิรัตน์ : Wongdern Bhumirat                มยุรี วิชัยวัฒนะ : Mayuree Wichaiwattana
    
พิสมัย โชติวุฒิ : Pissamai Chotiwut                   เรียม เพศยนาวิน : Riam Pessayanavin
    
สว่างจิต คฤหานนท์ Sawangjit Karuharnon          ลัดดา สุวรรณสุภา Ladda Suwansupa
    
อัมพร บุรารักษ์ : Amporn Burarak                     อุษณีย์ ทองเนื้อดUsanee Thongnurdee
    
ประชิตร ทองอุไร : Prachit Thong-urai               อนงค์ (อัชชวัฒนา) นาคะเกศ : Anong Atchawattana
    
สุชีลา ศรีสมบูรณ ์: Sucheela Srisomboon           2507: อภัสรา หงสกุล ( นางงามจักรวาล คนที่ 14
                                                                    พ.ศ. 2508 ) 1964: Apasara Hongsakula
                                                                   ( Miss Universe 1965 )

    
* จีรนันท์ เศวตนันท์ ( รองนางงามนางงามจักรวาล พ.ศ. 2509 ) : Jeeranan Sawaittanan
( 2nd runner-up Miss Universe 1966 )

* ประภัสสร พานิชกุล ( นางงามมิตรภาพ ในการประกวด Miss Queen of The Pacific พ.ศ.2510 )
Prapassorn Panichakul ( Miss Congeniality of Queen of The Pacific 1967 )

    
* อภันตรี ประยุทธเสนีย์ ( ชุดว่ายน้ำยอดเยี่ยม ในการประกวดมิสยูนิเวอร์ส พ.ศ 2511 )
Apantree Prayuttasenee ( Best in Swimsuit, Miss Universe 1968 )

* แสงเดือน แม้นวงศ์ ( แต่งกายชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ในการประกวดมิสยูนิเวอร์ส พ.ศ. 2512 )
Sangdern Manwong ( Best National Costume of Miss universe 1969 )

    
* วารุณี แสงศิรินาวิน ( ตัวแทนสาวไทยเข้าร่วมประกวด มิสยูนิ้วอร์ส ปี 2514
เนื่องจากวารุณี แสงศิรินาวินมีอายุไม่ครบตามที่กองประกวดกำหนดในปี 2513 )
Warunee Saengsirinavin ( Thailand's representative in Miss Universe 1970)

* นิภาภัทร สุดศิริ Nipapat Sudsiri
    
* กนกอร บุญมา Kanok-orn Bunma
* สาวิณี (ปัจฉิมสวัสดิ์) ปะการะนัง ( ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม และ รองอันดับ 1 มิสซิสเวิลด์ 2531)
Savinee Pakaranang ( 1st runner up Mrs.World 1988 and best national costume )

    
ธารทิพย์ พงษ์สุข Tarntip Pongsuk                     ทวีพร คลังพลอย Taweeporn Klungploy
    
ชุติมา นัยนา : Chutima Naiyana                        ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ( นางงามจักรวาล พ.ศ.2531)
                                                                    Porntip Nakhirunkanok ( Miss Universe 1988) 

    
* ภัสราภรณ์ ชัยมงคล ( ขวัญใจช่างภาพมิสยูนิเวอร์ส 2533 )
Patsaraporn Chaimongkol - ( Miss Photogenic of Miss Universe 1990 )

* จิรประภา เศวตนันท์ Jiraprapa Sawaittanan
    
* อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ( รองอันดับ 1 ชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยม มิสยูนิเวอร์ส 2535 ณ ประเทศไทย )
Orn-anong Panyawong - ( 1st runner-up National Costume of Miss Universe 1992 )

* ฉัตรฑริกา อุบลศิร : Chattarika Ubonsiri
    
อารียา สิริโสภาAreeya Sirisopa                         ภาวดี วิเชียรรัตน์ Pavadee Wicheintrat
    
* 2539 ไม่มีการประกวด 1996: NO PAGEANT
รัชรา คำยา ตัวแทนสาวไทยเข้าร่วมการประกวดมิสยูนิเวอร์ส
( รองอันดับ 3 นางงามท่องเที่ยวนานาชาติ 2542 ณ ประเทศมาเลเซีย )
Niratchla Khamya Thailand's representative to Miss Universe 1996
( 3rd runner up Miss Tourism International 1999, Malasia )

* สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ Suangsuda Lawanprasert
     
ชลิดา เถาว์ชาลี Chalida Taochalee                   อภิสมัย ศรีรังสรรค์ Apisamai Srirangsan
    
ปนัดดา วงศ์ผู้ดี Panadda Wongpuudee              สุจิรา อรุณพิพัฒน์ Sujira Arunpipat
               
ปฏิพร สิทธิพงศ์ Patiporn Sittipong ( Noi )   น.ส.ชาลิสา บุญครองทรัพย์ (หมิง) Chalisa Boonkrongsap (Ming)
 
รินทร์ยา สัตยาศัย Sirinya Sattayasai

ที่มาจาก : http://picpost.mthai.com/
Continue Reading...
 

sanookde Copyright © 2009 Girlymagz is Designed by Bie Girl Vector by Ipietoon