เจ้าหน้าที่สาธารณสุข บอกถึงที่มาของคู่มือเล่มนี้ ซึ่งมีทั้งเสียงเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยอยู่ไม่น้อยว่า เป็นความพยายามหนึ่งของกรมสาธารณสุขที่พยายามจะเปลี่ยนแนวทางการให้ความรู้ ทางเพศศึกษา ด้วยการกระตุ้นให้คุณครูที่สอนวิชาเพศศึกษาได้เน้นให้นักเรียนรู้ถึงการมี เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยอย่างถูกสุขอนามัย ไม่เป็นภัยแก่ตัวเองและผู้อื่น อย่างเช่น มีอยู่บทหนึ่งในคู่มือชื่อว่า แอน ออร์กัสซั่ม อะ เดย์ (an orgasm a day) ที่แนะให้คุณครูผู้สอน บอกให้นักเรียนรู้ถึง "ข้อดี" ของเพศสัมพันธ์ และการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง ที่มีผลต่อสุขภาพร่างกาย และอารมณ์ของคนเรา ด้วยวิธีอธิบายง่ายๆ ว่า การลูบไล้ร่างกายตัวเอง ก็ทำให้เกิดความรู้สึกดี มีความสุขขึ้นมาได้ แทนที่จะพูดถึงแต่ การใช้ยาคุมกำเนิด ใช้ถุงยางอนามัย และโรคติดต่อต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องซ้ำๆ ที่วัยรุ่นเคยอ่านกันมามากแล้ว
สตีฟ สแลค ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยและป้องกันโรคเอดส์เมืองเชลฟ์ฟิลด์ ซึ่งมีส่วนช่วยจัดทำใบปลิวแนะนำคู่มือเพลซเซอร์ ซึ่งทางผู้จัดทำได้ไอเดียมาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศในยุโรปที่มีทัศนคติเปิดกว้างเรื่องเซ็กซ์บอกว่า จุดมุ่งหมายของคู่มือเล่มนี้ นอกจากจะมีการแนะนำครู ได้พูดให้เด็กๆ ตระหนัก รู้เรื่องเพศสัมพันธ์ ความรับผิดชอบที่เด็กๆ ควรมี และรู้ว่า เพศสัมพันธ์ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อชีวิต ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องที่ทำเพราะสนุก ยังต้องการช่วยให้วัยรุ่นได้เรียนรู้ การเอาตัวรอดจากแรงกดดันของเพื่อนๆ และรู้จักยับยั้ง ชั่งใจ ไม่ด่วนมีเพศสัมพันธ์ สามารถอดทนรอจนกระทั่งตัวเองมีความพร้อมทางวุฒิภาวะอารมณ์ซะก่อน
สำหรับนักวิชาการที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับคู่มือ ส่วนใหญ่ก็กลัวว่า จะยิ่งยั่วยุให้วัยรุ่นมีเซ็กซ์กันมากขึ้น "เนื้อหาบางส่วนในคู่มือก็เข้าท่าดี แต่ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่เรามาแนะเด็กๆ อายุ 16 ว่าพวกเขาสามารถหาความสุขจากเพศสัมพันธ์ ผมคิดว่ามันผิดทั้งในแง่หลักวิชาการและความรู้สึก ทั้งยังจะเพิ่มปัญหาวัยรุ่นตั้งท้องก่อนวัยอันควร และส่งผลเสียต่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์รักที่จะยั่งยืนยาวนาน" นายแอนโธนี เชลดอน ครูใหญ่โรงเรียนเวลลิงตัน ให้ความเห็นอีกว่า โรงเรียนควรจะสอนให้เด็กรู้ถึงคุณค่าของการมีสัมพันธ์รักที่ยั่งยืน ไม่ใช่มาสอนเรื่องความสุขทางเพศ
แต่ รูธ สมิธ บรรณาธิการนิตยสารวัยรุ่น ชิลเดรน แอนด์ ยังก์ พีเพิล นาว เธอเห็นด้วยกับคู่มือ และให้ความเห็นถึงเพลซเซอร์ว่า เป็นหนังสือที่ต้องการช่วยให้วัยรุ่นรู้สึกสบายๆ รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกับความต้องการทางเพศของตัวเอง และยังบอกให้พวกเด็กๆ ได้รู้ว่า พวกเขามีสิทธิที่จะพูด จะบอก ถ้าหากถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือถูกบังคับ ฝืนใจให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เต็มใจ "มี การสำรวจพบว่าเด็กวัยรุ่นรู้สึกกดดันให้มีเพศสัมพันธ์ โดยที่เขายังไม่รู้สึกพร้อมจะมี หนังสือคู่มือเล่มนี้ตั้งใจจะแนะให้เด็กๆ รู้ถึงวิธีที่จะพูด จะรับมือกับปัญหาเหล่านั้น แต่ไม่ใช่ใบอนุญาตให้เด็กเที่ยวไปมีเซ็กซ์ แต่คู่มือตั้งใจจะบอกว่า ถ้าหากพวกเขาจะมีเซ็กซ์ จงมีเมื่อเขารู้สึกพร้อม และมีอย่างมีความสุข หนังสือนี้ทำให้เด็กมีความมั่นใจตัวเองมากขึ้น และกล้าจะพูดปฏิเสธมากขึ้น"
รูธ สมิธ ยังมีความเห็นต่อคำแนะนำต่างๆ ในคู่มือด้วยว่า เป็นคำแนะนำที่ไม่ได้ส่งตรงถึงนักเรียน แต่ต้องการให้แก่ครูผู้สอน นำไปเป็นแนวทางในการเริ่มเปิดหัวข้อสนทนาเรื่องเพศศึกษากับนักเรียน "คู่มือเล่มนี้ก็เป็นอีกหนี่งความพยายาม ที่ตั้งใจจะค้นหาว่า วิธีไหนจะใช้ได้ผลกับวัยรุ่น" สมิธสรุปท้าย
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก http://www.mthai.com/
0 comments:
Post a Comment