Sunday, July 5, 2009

คนกรุงเก่า

คนกรุงเก่า

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ประชัน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อไปเที่ยวอยุธยา

ผมเคยได้ยินใครต่อใครเล่าเรื่องแปลกประหลาดให้ฟังมาก มาย ที่เคยอ่านพบและเห็นในภาพยนตร์บ้างในทีวีบ้างก็มีอยู ่ไม่ใช่น้อยๆ แต่เพิ่งจะได้พบกับตัวเองตอนกลางวันแสกๆ เมื่อตอนอายุ 50 ปีเศษๆ นี่เอง

โดยเฉพาะเหตุการณ์น่าสยองขวัญนี้เกิดขึ้นในจังหวัดพร ะนครศรีอยุธยา ราชธานีเก่าของเราด้วยซีครับ สมัยเด็กๆ ผมเคยไปอยุธยามาแล้ว แต่ต่อจากนั้นก็ไม่ย่างกรายอีกเลย อย่างมากก็แค่ผ่านเขตจังหวัด เช่นออกจากกรุงเทพฯ ไปเหนือ ไปอีสาน บางปะอินหรือวังน้อยผ่านประจำ...จนกระทั่งมีเพื่อนฝู งสนิทกันชื่อคุณแสน เอ่ยปากชวนผมกับครอบครัวไปพักผ่อนและเที่ยวเตร่ดูวัด วาอารามในอยุธยาเมื่อเดือนก่อนนี้เอง

เป็นอันว่าตกลงตามนั้น!

เราขับรถออกจากบ้านตอนสายวันเสาร์ ขึ้นทางด่วนไปลงแถวรังสิต ใช้เวลาจากบ้านเพียงชั่วโมงเศษก็ถึงอยุธยาแล้ว ตรงดิ่งเข้าโรงแรมวรบุรีอันโอ่อ่า สูงตระหง่านถึง 8 ชั้น ร่างสูงใหญ่ของคุณแสนยืนยิ้มคู่กับคุณแก้ว-ภรรยารอคอยอยู่ที่นั่นแล้ว

เก็บกระเป๋า ล้างหน้าล้างตาแล้วลงมากินอาหารแบบบุฟเฟ่ต์กัน...ผมบ อกว่าใช้เวลาเดินทางใกล้กว่าออกจากบ้านไปทำงานด้วยซ้ ำ คุณแสนหัวเราะชอบใจ เล่าว่าบริษัทญี่ปุ่นที่เขาทำงานด้วยมีพนักงานชาวญี่ ปุ่นมาเช่าโรงแรมนี้อยู่ประจำหลายสิบห้อง...ไม่ต้องเ สียเวลาเดินทางไปทำงานเหมือนอยู่โตเกียวหรือกรุงเทพฯ

จากนั้นออกจากโรงแรมที่เพิ่งสร้างใหม่ไปขึ้นรถคุณแสน พาไปเที่ยววัดพนัญเชิงที่เรารู้จักกันดี คนจีนเรียกซำปอกง มีชื่อเสียงทางให้พรเรื่องทำมาค้าขายได้เจริญรุ่งเรื อง เป็นวัดเก่าแก่ก่อนสร้างกรุงด้วยซ้ำไป

คนจีนดูจะมากกว่าคนไทย ขนาดเบียดเสียดกันทั้งตอนเข้าโบสถ์และวิหารหลวงพ่อโต กำลังจัดการบูรณะซ่อมแซม ต้องแหงนกันคอตั้งบ่าจึงเห็นพระพักตร์ของหลวงพ่อผู้ท อดพระเนตรมองการสร้างกรุงจนถึงถูกพม่าเผาผลาญวอดวาย เหลือแต่ซากอันน่าสลดใจให้ดูเท่านั้น

คุณแสนพาขึ้นรถไปไหว้หลวงพ่อมงคลบพิตรเป็นจุดต่อมา!

รถทัวร์, รถตู้และรถเก๋งจอดกันคึกคัก ผู้คนพลุกพล่านน่าสนุก แม้ว่าแสงแดดจะยังร้อนแรงก็ตาม

"เราจะจอดรถด้านหลังเพื่อความสะดวก" คุณแสนอธิบาย "เดินผ่านร้านรวงไปซื้อของฝากได้ ไม่ต้องหอบหิ้วไปด้วย แค่ให้เขาเขียนชื่อไว้ก็พอ...กราบพระเสร็จก็ออกมารับ ของแล้วขึ้นรถพอดี ตอนเย็นมีดินเนอร์ในเรือล่องแม่น้ำป่าสักอีกต่างหาก. ..ผมติดวิสกี้ขวดใหญ่มาด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้"

ภรรยาของเราชวนลูกชายออกหน้า ผมกับคุณแสนตามหลัง มองดูพุทราทั้งกวนและแผ่น สมกับเป็นเมืองพุทรา...พอก้าวเข้าเขตร้านค้าสองข้าง แทบหูตาลายเพราะมีของกินของใช้น่าซื้อหามากเหลือเกิน นักท่องเที่ยวที่มีทั้งชาวกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนมากจะหยุดยืนมองซ้ายมองขวากันทั้งนั้น...

เด็กชายไว้จุกยึดมือแม่ชี้ไปที่ปลาตะเพียนสานสีสวย มีทั้งพวงเล็กและพวงใหญ่คุณป้าคนหนึ่งอายุราว 50 นุ่งผ้าม่วง สวมเสื้อลูกไม้สีดำ ห่มสไบขาว ผมทรงดอกกระทุ่มสีขาวประปราย หยุดมองแผงขายผลไม้ดองหน้าตาชื่นเช่นกัน

พ่อค้าแม่ค้าส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุดหย่อน...

"ลองชิมดูก่อนจ้ะ มะดัน, กระท้อน, องุ่น, มะม่วงมีทั้งดองทั้งแช่อิ่มน้ำผึ้ง โลละ 50 บาท ถุงละ 25 บาทเท่านั้นเอง...ชิมก่อนนะจ๊ะ ไม่ซื้อไม่หาไม่ว่าอะไร"

ผมว่าจะเดินผ่านไปก่อน พอดีพ่อค้าหนุ่มยื่นไม้ในถุงพลาสติกให้...ชิมก่อนจ้ะ ชิมก่อน! เขาบอก ผมลองจิ้มองุ่นลูกเล็กๆ เข้าปาก เอ๊ะ! รสดีแฮะ เขาส่งจานที่มีผลไม้ดองหรือแช่อิ่มก็ไม่ทราบให้ชิม ไม่ว่ากระท้อน, มะกอก, มะดัน ล้วนแต่รสชาติถูกปากทั้งนั้น

ว่าจะไม่ซื้อก็อดไม่ได้ หันไปออกตัวกับคุณแสน เขาก็หัวเราะบอกว่าเป็นยังงี้ทุกคนแหละ...ว่าแต่พวกผ ู้หญิงเขาซื้ออะไรกันมั่ง?

ผมหันไปดูเธอทั้งสองที่ออกหน้าไปก่อนก็เห็นคุณป้าคนน ั้นกำลังยื่นมือไปรับหนังปลาทอดมาจิ้มน้ำจิ้มก่อนส่ง เข้าปาก...ผมเดินเร่ไปเข้า พ่อค้าอีกคนก็ผายมือไปที่กองหนังปลาและก้างปลาทอดเป็ นพะเนิน เชื้อเชิญให้ชิม บอกว่าเพิ่งทอดสดๆ ใหม่ๆ ทั้งนั้น น้ำจิ้มรสเด็ดที่สุด

คุณป้าคนนั้นพยักหน้าหงึกๆ ผมลองหยิบหนังปลากรายทอดม้วนมาบิชิมดูก็ปรากฏว่ารสดี อีก ทั้งกรอบและอร่อย...สนนราคา 3 ถุง 5 บาท ถูกเหลือเชื่อ!

ซื้อเสร็จก็เจอเจ้าถัดไป ร้องว่า...วันนี้วันเกิดเมียจ้ะ ขาย 4 ถึง 5 บาทเลย! ผมอดหัวเราะไม่ได้ เห็นผู้คนแวะไปซื้อ คุณป้าคนเดิมก็ชิมดูอีกแล้วหันไปพยักหน้าหงึกๆ กับเด็กไว้จุก...ส่วนคุณแสนกับผมเดินเลยไปจนพบกับโรต ีสายไหม ที่ได้ชื่อว่าเป็นขนมชื่อดังของอยุธยาพอๆ กับขนมเปี๊ยสระบุรีและโมจิของนครสวรรค์

"หวานอร่อยจ้ะ 5 ถุงร้อยเดียว เอ้า! ให้ 6 ถุงร้อยไปเลย"

เจ้าถัดไปร้องว่า...พี่แขกแนะนำมาหรือครับ? งั้น 7 ถุงร้อยบาท...

เสียงหนุ่มคนขายไม่ได้ทำผมงุนงงเท่ากับ...คุณป้าแต่ง ชุดไทย ผมขาวกำลังยืนมองเขาทอดโรตีคู่กับหญิงสาวและเด็กหัวจ ุก...ก็เราเดินนำหน้ามาแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าแกยืนดักหน้าเราเฉยเลย

ม่านตาผมลายพร่า ขนลุกซู่ มีคนเบียดเข้ามาชนจนเซถลา คุณแสนคว้าแขนไว้ทัน...รีบเดินจนพ้นแถวร้านค้าออกที่ โล่ง ภรรยากับลูกชายผมยืนหน้าซีดอยู่กับภรรยาคุณแสน...เจ้ าภาพขอโทษขอโพยที่ลืมเตือนผมว่า วันพระใหญ่ทีไรจะมี "คนกรุงเก่า" ในอดีตมาเดินเที่ยวที่นี่เป็นประจำ!!





............................................................

0 comments:

Post a Comment

 

sanookde Copyright © 2009 Girlymagz is Designed by Bie Girl Vector by Ipietoon