Monday, September 7, 2009

จาก"ซูกิยากิ"มาเป็น"สุกี้ยากี้"




            เราพบร้านซูกิยากิ(ที่นิยมเรียกติดปากแบบคนไทยว่าสุกี้ยากี้)อยู่ทั่วไป ทั้งที่ตั้งเดี่ยวๆและในศูนย์การค้า คนแน่นร้านสุกี้ฯทั้งวันทั้งที่ไม่น่าจะแน่นเพราะไม่เห็นมีอะไรเลยนอกจากผัก แช่น้ำร้อน หลายคนกินสุกี้ฯโดยไม่สนใจว่ามันเป็นอาหารของชาติไหนแต่ก็มีอีกหลายคนที่รู้ และอยากรู้ ซึ่งจริงๆแล้วสุกี้หรือที่เรียกตามสำเนียงญี่ปุ่นว่า"ซูกิยากิ"นั้นเป็น อาหารสัญชาติญี่ปุ่นแท้ๆเหมือนกับราเมนหรือซูชิที่เรารู้จักกันดี ซูกิยากิคืออาหารญี่ปุ่นในสไตล์ลวกจิ้ม จะใส่เครื่องปรุงลงไปในหม้อลวกหรือจะใส่ตะแกรงลงไปแกว่งๆให้สุกก็ได้ ผลที่ดีแทบไม่ต่างกันเลยคืออาหารสุกและสดเหมือนกัน


             ซูกิยากิเป็นเมนูที่ชาวญี่ปุ่นชอบทำรับประทานกันในวันอากาศหนาว ตามปกติจะชอบรับประทานกันในงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่า หรือ"โบเนนคาอิ"ในภาษาญี่ปุ่นอันเป็นช่วงเวลาที่อากาศหนาวสุดๆ การได้กินซูกิยากิร้อนๆช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาก มันเป็นอาหารกินง่ายทำง่ายประกอบด้วยผักเป็นส่วนใหญ่ แซมด้วยเนื้อและเต้าหู้ซึ่งทั้งหมดราคาไม่แพงจึงหาซื้อได้ทีละมากๆ วิธีรับประทานแต่ดั้งเดิมคือต้องต้มน้ำให้เดือดในหม้อก้นตื้น น้ำซุปมีส่วนผสมคือน้ำ,ซอสถั่วเหลือง,น้ำตาลและมิริน(เครื่องปรุงอาหารชนิด น้ำของญี่ปุ่น เป็นส่วนผสมระหว่างน้ำตาลและเหล้าสาเก) ต้องเอาส่วนผสมทั้งหมดลงคลุกไข่ที่ตอกแล้วคนให้เข้ากันเสียก่อน แล้วจึงจุ่มลงในน้ำซุป หรือจะนำส่วนประกอบคนในไข่แล้วเทลงรวมกันในน้ำซุปก็ได้


          ต้นกำเนิดแต่แรกเริ่มของซูกิยากิ มีรายละเอียดตามเรื่องเล่าว่านักรบในสมัยกลางของญี่ปุ่นคนหนึ่งได้ล่าสัตว์ มาแล้วนำสัตว์ที่ล่าได้มาแวะที่บ้านของชาวบ้านแล้วขอให้ชายคนนั้นทำอาหารให้ จากเนื้อนั้น แต่ชายเจ้าของบ้านนึกได้ว่าเครื่องครัวของตนช่างซอมซ่อเหลือเกินจนไม่สม ศักดิ์ศรีของขุนศึกผู้มาแวะที่บ้าน เขาจึงนำเอาพลั่ว(ซูกิในภาษาญี่ปุ่น)มาล้างให้สะอาด แล้วใช้มันต้ม(ยากิ)เนื้อนั้น คำว่าซูกิยากิจึงแปลตามความหมายได้ว่า"ใช้พลั่วต้มเนื้อให้สุก" และลักษณะของพลั่วนี้ได้ถูกพัฒนาเป็นหม้อก้นตื้น ในปี1890เมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศออกค้าขายกับชาวต่างชาติ


          วิธีปรุงอาหารแบบใหม่นี้ได้ถูกนำมาเผยแพร่ด้วย มีวิธีปรุงซูกิยากิสองแบบ คือแบบคันโตะ(แบบโตเกียวหรือภาคกลาง)และแบบคันไซ(แบบโอซากะหรือภาคเหนือ) ในแบบคันโตะนั้นซอสปรุงน้ำซุปต้องถูกปรุงสำเร็จเสียก่อน แต่ถ้าเป็นแบบคันไซจะต้องใช้ส่วนผสมของซอสมาปรุงไประหว่างรับประทาน เมื่อเกิดเเผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภาคกลางเมื่อปี1923 ประชากรย่านคันโตะต้องย้ายไปอาศัยในภาคเหนือชั่วคราว และได้ไปปรับตัวรับวิธีการปรุงซูกิยากิแบบคันไซที่นั่น เมื่อกลับมายังภาคกลางตามเดิมก็นำเอาวิธีการทำซูกิยากิแบบคันไซมาด้วยซึ่ง แพร่หลายไปยังที่ต่างๆของญี่ปุ่นและโลกในเวลาต่อมา


         ปัจจุบันนี้ซูกิยากิแพร่หลายไปทั่วโลก ในเมืองไทยนิยมเรียกด้วยสำเนียงไทยว่า"สุกี้ยากี้" หรือสุกี้เฉยๆประกอบด้วยส่วนผสมมากมาย ทั้งผัก เส้นก๋วยเตี๋ยว เห็ด อาหารทะเลและอื่นๆ ทั้งยังมีอาหารจีนเช่นเป็ดย่างและติ่มซำจำหน่ายในร้านสุกี้ด้วย วิธีกินสุกี้ของไทยแทบไม่ต่างจากในญี่ปุ่นถิ่นกำเนิดของมัน เพียงแต่น้ำจิ้มหรือซอสถูกปรุงให้เผ็ดร้อนตามสไตล์อาหารไทยเท่านั้น ร้านสุกี้ชื่อโคคาได้เปิดขึ้นเป็นร้านแรกในช่วงทศวรรษ1960 ที่สยามสแควร์เป็นสาขาแรกของกรุงเทพ อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สุกี้แพร่ความนิยมไปทั่วโลกก็คือเพลง"ซูกิยากิ"ของ นักร้องญี่ปุ่นผู้โด่งดังนามเคียว ซากาโมโตะนั่นเอง

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://www.pak-soi.com/

0 comments:

Post a Comment

 

sanookde Copyright © 2009 Girlymagz is Designed by Bie Girl Vector by Ipietoon