Friday, June 12, 2009

โบท็อกซ์ ฉีดสวยด้วยาพิษ !!


นพ. เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ศัลยแพทย์ด้านระบบประสาท, น.บ.
เร็วๆ นี้มีดาราท่านหนึ่งออกมาร้องเรียนผ่านหน้าหนังสือพิม พ์และโทรทัศน์ถึง ประสบการณ์ร้ายเกี่ยวกับการฉีดยา Botox ที่ทำให้หน้าดูหนุ่มกว่าวัย (แสดงว่า เดี๋ยวนี้ท่านชายก็ไม่แพ้สาว ๆ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องใบหน้ามากพอ ๆ กัน) เหตุการณ์คร่าวๆ คือ ดาราชายท่านนั้นเห็นว่าเพื่อนมีสิทธิได้รับการฉีดยาด ้วยBotoxจากสถานพยาบาล แห่งนั้นฟรีๆ แต่ไม่ใช้สิทธิ ตนจึงอาสาไปใช้สิทธินั้นแทน โดยหวังจะให้รอยย่นที่หน้าผากหายไป แต่เหตุการณ์ไม่เป็นไปดังคาด เพราะภายหลังการฉีดยา ไม่เพียงแต่รอยย่นที่หายไปและทำให้หน้าผากตึงขึ้น แต่กลับมีหนังตาข้างหนึ่งกลับหย่อนตกลงมา (ตาตก) ทำให้หนังตามาปิดการมองเห็น ส่งผลกระทบต่ออาชีพของนักแสดงท่านนั้น จึงออกมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากแพทย์ผู้ให้การรัก ษาและสถานพยาบาลนั้น เรามาทำความเข้าใจกับเรื่อง botox ให้ดีกว่านี้ แล้วจะทราบว่าการฉีด botox ที่ถือว่าค่อนข้างปลอดภัย ทำไมจึงมีปัญหาเกิดขึ้นได้อีก

โบท็อกซ์ คืออะไร?
"โบท็อกซ์" (Botox) เป็นชื่อการค้าของสารพิษที่เรียกว่า “โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin type A)” ซึ่งเป็นโปรตีนที่สร้างจากแบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) โดยปกติแล้วโปรตีนนี้ถือเป็นสารพิษร้ายแรงที่ก่อให้เ กิดโรคอาหารเป็นพิษแก่ มนุษย์ และนับได้ว่าสารนี้เป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่ง บนโลกมนุษย์ใบนี้ ซึ่งพบได้จากอาหารกระป๋องที่มีการปนเปื้อนเชื้อนี้ หากร่างกายมนุษย์ได้รับโปรตีนนี้เข้าไป จะทำให้เกิดอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อต่างๆ และเมื่อได้รับในปริมาณมากจะเกิดภาวการณ์หายใจล้มเหล วเพราะกล้ามเนื้อที่ใช้ ในการหายใจหมดแรง (เป็นอัมพาต) ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาด้วยการช่วยหายใจ จะเสียชีวิตทุกรายเพราะสารพิษนี้ไม่มียาต้านโดยตรง


ในทางการแพทย์เมื่อพบว่าโปรตีนนี้มีผลทำให้กล้ามเนื้ ออ่อนแรงได้ จึงทำการดัดแปลงและลดปริมาณสารพิษนี้ลงโดยการทำให้พิ ษอ่อนลงมาก เพียงเพื่อหวังผลให้กล้ามเนื้อที่ได้รับสารนี้เข้าไป เกิดอาการอ่อนแรงเฉพาะ ส่วน (กล้ามเนื้อคลายตัว) ซึ่งในทางเสริมสวยจะนำสารนี้มาฉีดตรงกล้ามเนื้อที่เก ิดรอยย่นบริเวณใบหน้า และลำคอ เพื่อให้ผิวหนังปราศจากรอยย่นจากกล้ามเนื้อที่อยู่ข้ างใต้และกลับมาดูแต่ง ตึงเหมือนหนุ่มสาว




การใช้ Botox ในทางการแพทย์


เดิมทีนั้นแพทย์มักจะใช้สารพิษชนิดนี้มาทำให้กล้ามเน ื้อบางมัดมีการคลายตัว เพื่อใช้รักษาโรค เช่น ในรายที่มีอาการตาเหล่ ตาเข (strabismus, crossed eyes) ทำให้ตาสองข้างไม่สามัคคีกัน เนื่องจากมีกล้ามเนื้อบางมัดทำงานมากกว่าบางมัด แต่ภายหลังการฉีดยานี้ มีการสังเกตว่ายาที่กระจายไปโดนกล้ามเนื้อรอบตาหรือห น้าผากจะทำให้กล้าม เนื้อมัดนั้นคลายตัวและมีผลทำให้รอยย่นบนผิวหนังหายไ ปตามการคลายตัวของกล้าม เนื้อนั้นด้วย


นอกจากการรักษาตาเหล่ ตาเขแล้ว ผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อกระตุกอย่างรุนแรงที่ไม่สามา รถควบคุมได้ด้วยวิธีการ รักษาอื่น ก็จะได้รับการฉีดยาตัวนี้เพื่อให้มีการคลายตัวของกล้ ามเนื้อและลดอาการ กระตุกลง




การใช้ Botox ในการเสริมสวย

เมื่อนำสารพิษ Botox ที่ได้จากการดัดแปลงนี้มาใช้ในปริมาณเพียงเล็กน้อยฉี ดเข้ายังส่วนของกล้าม เนื้อเฉพาะที่ จะมีผลทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและรอยย่นที่อยู่เหนือก ล้ามเนื้อหายไป ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ลง (Face lift) ได้ภายใน 3-4 วันหลังได้รับยา แต่การเห็นผลชัดเจนอาจต้องรอนานถึง10-14 วัน และจะมีฤทธิ์คงอยู่ได้นาน 4-6 เดือน และหากต้องการให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ต้องกลับมารั บการฉีดยาใหม่อีก สิ่งที่ต้องระวังคือ หากกล้ามเนื้อนั้นได้รับยาบ่อยๆ จะทำให้ลีบตัวในระยะยาวได้ ซึ่งหมายความว่ากล้ามเนื้อนั้นเป็นอัมพาตถาวรในอนาคต



เขาฉีดยากันที่ส่วนไหน


ตำแหน่งเป้าหมายของการฉีด Botox คือตำแหน่งที่ทำให้เกิดรอยย่นที่บอกถึงประสบการณ์ชีว ิต โดยตำแหน่งยอดฮิตที่สุดคือ “ตีนกา” รอยย่นบริเวณหางตาสองข้างนั่นเอง ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ได้แก่ หน้าผาก บริเวณระหว่างหัวคิ้วสองข้าง (ขมวดคิ้ว) รอบดวงตา รอบปาก และรอยย่นตามลำคอ ส่วนรอยย่นบริเวณมุมปากนั้นมักไม่นิยมฉีดกันเนื่องจา กอาจเกิดผลข้างเคียงทำ ให้ไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ


นอกจากบริเวณดังกล่าวแล้วในปัจจุบันยังมีการฉีดยานี้ ในส่วนอื่นของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อใบหน้าบริเวณมุมกราม เพื่อทำให้กล้ามเนื้อฝ่อลีบลงและทำให้หน้าดูเรียวขึ้ น(ซึ่งต้องคำนึงถึงข้อ เสียเรื่องการใช้ขากรรไกรในการเคี้ยวอาหาร) หรือการฉีดยาบริเวณกล้ามเนื้อน่อง เพื่อให้กล้ามเนื้อลีบลงและขาดูเรียวขึ้นกว่าเดิม




ผลอันไม่พึงประสงค์จากการฉีดยา


แม้ว่าการฉีดยา Botox จะทำได้ง่าย รวดเร็ว โดยที่ผู้รับการฉีดไม่จำเป็นต้องนอนในโรงพยาบาลแต่อย ่างใด ใช้เวลาเพียงแค่ไม่เกิน 10-15 นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย นอกจากอาการเจ็บปวดตรงตำแหน่งที่ฉีดยา หรือการติดเชื้อเนื่องจากการฉีดยาแล้ว ผลไม่เป็นไปตามที่ต้องการก็อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดย าผิดตำแหน่ง หรือการที่ยากระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อมัดนั้นขึ้นมาได้ ซึ่งในกรณีตัวอย่างที่เกิดกับดาราชาย ก็จากเหตุผลข้อนี้ คือแทนที่ยาจะอยู่เฉพาะตรงกล้ามเนื้อหน้าผาก แต่ยากลับไหลหรือกระจายไปโดนกล้ามเนื้อที่มีหน้าที่ใ นการยกหนังตาขึ้น ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อนี้เป็นอัมพาตและแสดงออกมาในรูป แบบที่ไม่สามารถลืมตา ข้างดังกล่าวขึ้นได้ (ด้วยเหตุนี้แพทย์มักจะแนะนำมิให้มีการนวดคลึงบริเวณ ที่ได้รับการฉีดยา หรือแม้แต่การขยี้ตาภายหลังการฉีดยา เพื่อป้องกันมิให้ยาแพร่กระจายไปนอกบริเวณที่ฉีดยา) และแม้แต่การฉีดยาที่ถูกตำแหน่งแต่หากผู้ที่ได้รับกา รฉีดตอบสนองต่อยา มากกว่าปกติ ก็อาจทำให้เกิดผลอันไม่พึงประสงค์ขึ้นได้เช่นกัน


นอกเหนือจากการที่ยากระจายไปนอกบริเวณที่แพทย์ต้องกา รดังกล่าวแล้ว ผลข้างเคียงอย่างอื่นที่อาจพบได้ภายหลังการฉีดยาหลาย ๆ ครั้ง เช่น คิ้วสองข้างมีลักษณะไม่สมมาตร คือคิ้วสองข้างผิดรูปไป ไม่เหมือนกัน เพราะการคงอยู่ของฤทธิ์ยาที่อาจไม่เท่ากัน รวมทั้งการที่กล้ามเนื้อฝ่อตัวลงไม่เท่ากัน เพราะการไม่ได้ใช้งานของกล้ามเนื้อมัดนั้นนานๆ




การคงอยู่ของ Botox ในร่างกาย
Botox จะไม่มีการสะสมในร่างกาย ภายใน 4-6 เดือนยาจะสลายตัวและหมดฤทธิ์ไปเองทำให้กล้ามเนื้อกลั บมาทำงานได้ดังเดิมอีก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าตำแหน่งที่ฉีดนั้นเคยโดนฉีด มาก่อนหน้านี้หรือไม่ เป็นการฉีดในผู้ที่มีอายุมากหรือน้อย และฉีดในปริมาณมากน้อยเพียงใดและในตำแหน่งใด เช่น ในรายที่โดนฉีดมาก่อนหลายครั้ง อาจทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตอยู่นานกว่าคนที่เพิ่งจ ะได้รับเป็นครั้งแรก




ข้อห้ามในการใช้ Botox


จากคำแนะนำขององค์การอาหารและยา แห่งสหรัฐอเมริกา ห้ามการใช้ยานี้ในผู้ที่มีปัญหาโรคทางระบบประสาท โรคทางกล้ามเนื้อ หรือสตรีที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร




อันตรายของ Botox
ที่ผ่านมามีการใช้ Botox เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคตาเหล่ ตาเขตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 และมีการใช้เพื่อเสริมความงามตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 และนับตั้งแต่นั้นมากล่าวได้ว่าอุตสาหกรรมเสริมความง ามได้มีการเติบโตเร็ว ที่สุดด้วยอิทธิพลของBotox สำหรับการฉีด Botox เพื่อลดรอยเ่ยวย่นนั้นยังไม่เคยมีรายงานผู้ที่ได้รับ Botox แล้วเป็นอันตรายถึงชีวิต ยิ่งหากได้รับยาจากผู้ที่เป็นแพทย์ตัวจริง คงเรียกได้ว่ามีความปลอดภัยสูง แต่เมื่อไม่นานมานี้เริ่มมีการรายงานถึงการแพร่กระจา ยของ Botox เข้าไปยังระบบประสาทส่วนกลาง(สมอง) ซึ่งแต่เดิมไม่มีใครทราบว่ายานี้จะสามารถกระจายจากตำ แหน่งที่ฉีดบริเวณผิว หนัง เข้าไปยังระบบประสาทส่วนกลางได้




ข้อมูลจากนักวิจับระบบประสาทที่สถาบันวิจัยแห่งชาติอ ิตาลี (National research council’s institute of Neuroscience, Consiglio Nazionale delle Ricerche) พบว่าการฉีด botulinum เข้าไปที่ผิวหนังที่ใบหน้าของหนูทดลอง พบว่ายาส่วนหนึ่งสามารถกระจายตัวเข้าไปถึงบริเวณก้าน สมองของหนูทดลองได้ นอกจากนี้สารพิษนี้ยังสามารถคงอยู่ในสมองของหนูทดลอง ได้นานนับ 6 เดือน และยังสามารถกระจายไปยังส่วนอื่นของสมองได้อีกด้วย และเมื่อนำสมองของหนูทดลองมาตรวจวิเคราะห์ ก็พบว่ามีการเสื่อมสลายของโปรตีนในก้านสมองของหนูทดล อง แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่พบอันตรายในระดับนี้ จากการฉีดในคน (ปริมาณการใช้ยาถือว่าต่ำกว่าระดับที่เป็นพิษอยู่มาก )



สมาคมแพทย์ความงามในประเทศสหรัฐอเมริกาต้องการให้มีก ารยืนยันผลการวิจัยดัง กล่าวข้างต้นให้หนักแน่นกว่าที่อธิบายมาและเชื่อว่าผ ลข้างเคียงของ Botox มักเกิดเนื่องจากการฉีดผิดตำแหน่ง หรือฉีดในปริมาณที่เกินกว่าที่ควรจะได้รับต่อการฉีดห นึ่งครั้ง (หนังตาตกหรือหน้าไร้ความรู้สึก) มากกว่าเกิดจากตัวยาเอง



ถึงตอนนี้แล้ว คุณคงทราบแล้วว่า “สวยด้วยยาพิษ” คงไม่เกินความเป็นจริง และคงทราบแล้วว่าแม้ว่าจะมีความปลอดภัยแค่ไหน แต่โอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการได้รับสารพิษตัวนี้ก็ย ังมีอยู่ ดังนั้นก่อนใช้สารตัวนี้ จึงควรทำความเข้าใจถึงอันตรายและผลข้างเคียงเหล่านี้ ไว้ด้วยเสมอ



ที่มาบทความจาก นิตยสาร Health Today


0 comments:

Post a Comment

 

sanookde Copyright © 2009 Girlymagz is Designed by Bie Girl Vector by Ipietoon