Sunday, June 28, 2009

คนข้างบ้าน

คนข้างบ้าน
                                                                                                               ราส์ส กิโลหก

                        ผม.ซื้อบ้านอยู่ในโครงการบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง..เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นเนื้อที่ 50 ตารางวา ..โครงการนี้มีชื่อเสียงพอสมควร.. ทั้งโครงการมีบ้านรวมกันประมาณ 100 หลังคาเรือน  ถนนกว้างขวาง ระบบสาธารณูประโภค.ครบถ้วน..ราคาต่อหลังประมาณ ล้านบาทเศษๆ..หากมีเนื้อที่มากกว่า 50 ตารางวาเจ้าของโครงการก็จะคิดเงินเพิ่ม ตามเนื้อที่..

                        หมู่บ้านนี้..มีของแถมอีกอย่าง..คือ ร.ป.ภ.  หมาครับ...แยะจริงๆๆเป็นหมาไม่มีเจ้าของ..หรือหมาจรจัดนั่นแหละ..มี อยู่ทุกซอย ทุกถนนของหมู่บ้าน...มีทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่..และลูกหมาก็มี...ไม่มีเจ้าของไม่มีคนเลี้ยง....แต่.ที่มันอยู่กัน ได้เพราะคนในหมู่บ้านชอบเอา เศษอาหารมาให้กินด้วยความสงสาร...ตอนหน้าหนาวหรือหน้าติดสัด..... เห่าหอนทะเลาะกันระงม....กรรมการหมู่บ้านจะแจ้งให้ เทศบาลมากำจัด ปรากฏคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านไม่ยอม...โดยเสนอให้หาเงินจ้างหมอมาทำหมันแทน... หมาก็เลยยังไม่ล้มหายตายจากไปไหน
                  
                         บ้านของผมนั้น ถ้ายืนบนถนน  หันหน้ามาที่ตัวบ้าน ...บ้านที่ติดกันด้านขวามือ เจ้าของ บ้านเป็นคุณหมอ ประจำอยู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง อายุ เกือบ 50 ปี เมียเป็นพยาบาล..อยู่โรงพยาบาลเดียวกัน มีลูกชาย 2 คน..เรียนอยู่มหาวิทยาลัยของรัฐทั้ง 2 คน....

                           ส่วนทางด้านซ้ายมือ..มีผู้หญิงสาวสวยอายุประมาณ 20 ปี..อยู่กับหญิงแก่..อายุคงเฉียด 50 ปี..ดูการแต่งตัวของคนแก่ น่าจะเป็นคนรับใช้.....นานๆครั้ง...จะมี...อาเสี่ยแก่ๆอ้วนขาวพุงลุ้ย..ขับ รถ เบ๊นซ์...คันใหญ่มาพักค้างคืน.....แต่ไม่เคยเกิน 1 คืนพอรุ่งสางก็รีบร้อนขับรถออกจากบ้านไป…รูปการจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ........บางครั้งอยากเข้าไปสนทนาด้วย...ในฐานะเพื่อนบ้านใกล้เคียง...พอเห็น อาการเป็นแบบนี้เลยไม่กล้าเข้าไปคุย..

                           ประเมินสถานการณ์แล้วเป็นเมียน้อยชัวร์...เสียดายหน้าตาดีๆอายุก็น้อย..มา เป็นน้อยเสี่ย..ซะแล้ว.!!...วันๆ..เธอไม่ค่อยออกไปไหน..เก็บตัวอยู่แต่ใน บ้าน..อาหารการกิน ยายแก่ที่อยู่ด้วยจะเป็นคนจัดการ....บางวันผมออกไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน... ซึ่งอยู่ข้างริมรั้วบ้านนี้...มองเห็นเธอเดินอยู่ในบ้าน...ใส่กางเกงขาสั้น จู๋...อวดขาขาวเหมือนหยวกกล้วย...

                      ผมนึกในใจว่า อายุเธอแค่นี้... และเสี่ยคนนี้จะเลี้ยงดูเธอได้นานขนาดไหน...ผม กะดูเสี่ยคนนี้อายุคงไม่ต่ำกว่า 60 ปี….ถ้าเธอฉลาดต้องรีบกอบโกยให้มากที่สุด...เกิดเสี่ยหัวใจวายตายไปเมื่อ ไหร่ …เดี๋ยวจะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ.อุตส่าห์ลงทุนมาทั้งตัวขนาดนี้  .....

                     
                       ความจริงผมไม่อยากจะสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเพื่อนบ้านมากนัก...แต่บ้าน ดันมาอยู่ติดกัน..ไม่อยากมอง ไม่อยากได้ยิน..ก็ไม่พ้น...กลายเป็นต้องได้รู้ได้เห็น...โดยอัตโนมัติ...ตอน เย็นๆ ยายแก่ที่อยู่กับเมียน้อยเสี่ย..จะเดินออกไปซื้อกับข้าวที่ปากซอย...บาง ครั้งก็เจอกับแม่บ้านผม..ในฐานะคนเคยเห็นหน้ากันและบ้านก็อยู่ติดกัน... คุ้นๆหน้า..เลยได้คุยกัน.....ทำให้รู้ว่า....ตัวเสี่ยนั้นมีกิจการเกี่ยวกับ ขนส่ง...และมีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดทางภาคอีสาน....

                                ส่วนหญิงแก่ที่อยู่กับเมียน้อยเสี่ย นั้น เป็นคนของเสี่ยเอง..จัดให้มาอยู่ด้วย   เป็นคนที่เสี่ยสนิทและไว้ใจมาก......จึงมอบหมายให้มาอยู่เป็นเพื่อนและรับ ใช้..เมียน้อยของแก.....ส่วนตัวเมียน้อยเป็นคนทางเหนือ...แต่มาเจอกับเสี่ย จนได้เป็นเมียน้อย...ป้าแกไม่พูดถึง.....แกคงรู้อะไรไม่มาก...แต่แว่วๆว่า.. อาซ้อ...เมียหลวงเสี่ยดุ ยิ่งกว่าเสือ.....

                                เวลาที่เสี่ยขับรถมาบ้าน.เมียน้อย....ส่วนมากจะเป็นวันศุกร์เวลากลางคืน. ช่วง 4 ถึง 5 ทุ่ม..มาถึงจะได้ยินเสียง....การจัดโต๊ะอาหารเสียงล้างถ้วยล้างชาม.. ..เมื่อกินอาหารเสร็จ..ไม่ว่าจะดึกดื่นอย่างไร  ก็จะได้ยินเสียงแบบนี้..จน ผมเดาได้....ถ้าได้ยินเสียงแบบที่ว่านี้แสดงว่าเสี่ยมาแล้ว...

                        
                          ในช่วงหลังๆๆ...การเดินทางมาที่บ้านเมียน้อยของเสี่ย เริ่มห่าง...เป็นเดือนละ ครั้ง....บางครั้ง 2 เดือนครั้ง....จากบ้านที่เคยเงียบๆ...ก็เริ่มมีเสียงทะเลาะกัน...แล้วก็ เสียงร้องไห้ของผู้หญิง...บางครั้งได้ยินเสียงโต๊ะล้ม เสียงแก้วเสียงขวดแตกแถมมาด้วย.! ...

                                   ผมไม่ได้สอดรู้สอดเห็นนะ...ดึกดื่นเที่ยงคืน บ้านนี้ทะเลาะกัน..ผมจะหรี่เสียง ที.วี. ภายในบ้าน..เพื่อจะฟังเสียงที่มาจากบ้านเมียน้อยเสี่ย....จับใจความว่าเมีย หลวงเริ่มสงสัย...ระแคะระคาย...เพราะเสี่ยขยันเกินเหตุ...มากรุงเทพฯบ่อย เกินไป..ทั้งที่อายุร่วมๆ 60 ปี....

                                  เสี่ยหายไปหลายเดือน....จนถึงวันสงกรานต์...เสี่ยโผล่มาคืนวันหนึ่ง...คืน นี้เป็นคืนวิปโยคเพราะทะเลาะกันทั้งคืน...ทั้งเสียงร้องไห้ ..เสียงก่นด่า...เสียงของแตก...ทั้งคืนผมแทบไม่ได้หลับได้นอน...แต่ก็เห็นใจ ไม่ได้โกธรเคืองอะไร...เพราะผัวเมียกันทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดา...และอีก อย่างนานๆครั้ง...พอทนกันได้...

                                 ที่ผ่านมาทะเลาะกันซักพัก....แล้วก็เงียบ...ไฟห้องนอนก็ดับ....จินตนาการเอาแล้วกัน...คงแฮปปี้..กันทั้งสองฝ่าย...

                                 แต่ครั้งนี้รุนแรงมากไม่เหมือนครั้งก่อนๆ...และไม่มีทีท่าว่าจะสงบกันง่ายๆ ....สถานการณ์ท่าจะแตกหักกันในคืนนี้......ผมก็นอนไม่หลับ...ใจมันคล้อยตาม .....กับเขาไปด้วย...ดีที่เป็นวันหยุดเลยไม่ห่วงเรื่องการตื่นตอนเช้า...

                                จนเวลาล่วงไปถึงประมาณ ตี 3 เศษๆ....

                         “ มรึง..จะเอาอย่างไงกับ กรู...พูดฟังกันบ้าง ซิ..”...เสียงผู้ชายก็..เสี่ยนั่นแหละ..ดังลั่นอยู่ในบ้าน...

                                “ เฮีย  จะมาทำอย่างนี้กับ หนู ไม่ได้ หนู ไม่ยอม...ฮือๆๆๆๆ”  ......เสียงผู้หญิง..ตะโกนเถียงดังไม่แพ้กัน.......

                               ซักพัก..มีเสียงคนแก่สูงอายุ...เป็นเสียงป้าที่อยู่ด้วยกัน.   “...ไม่เอาน่า...หนู  อายเค้า...นี่ก็ดึกแล้ว  มีอะไร คุยกัน พรุ่งนี้  เถอะนะ”.......เสียงเหมือนคนง่วงนอน...เสียง แหบๆ...

                                เงียบไปซัก ครึ่งชั่วโมง....ผมไม่ได้สอดรู้สอดเห็นนะ..!..

                                “ ว๊ายๆๆๆๆๆ.....ไม่เอา ค่ะ ไม่เอา....ช่วยด้วย  ใคร  ช่วย  แจ้ง ตำรวจ  ที่..!..”...เสียง..หญิงแก่ดังโวยวายเสียงลั่น  พร้อมวิ่ง ออกมาจากตัวบ้าน......มายืนเอามือทาบหน้าอก...ตรงประตูทางออกด้านล่าง ของตัวบ้าน...

                            “ เปรี้ยง..!!...”...เสียงสนั่น  ดังขึ้นมา... “..โอ๊ย...ๆๆ...ๆๆ....ช่....ว......ย........ล่.....ว......ย.......... โอ๊ย.......”....  เสียงของเสี่ย..นี่นา....ผมนั่งไม่ติดแล้ว...วื่งลงมาจาก บ้าน...ไปที่บ้านคุณหมอข้างบ้าน...กดกริ่งเรียก...เผื่อหมอจะช่วยอะไรได้ บ้าง....

                           .กำลังลนลานหาเบอร์โรงพัก..เพื่อแจ้งตำรวจ....

                   
                      “ เปรี้ยง.!!..”..มีเสียงตามมาอีก 1 ครั้ง......ผมมือไม้สั่น…เรื่องใหญ่กว่าที่คิด ซะ แล้ว....


                             บริเวณ..หน้าบ้านที่เกิดเหตุ…เหมือนมีงานถ่ายหนัง...อึกกระทึก..ด้วย เสียงไซเรน...ดังโหยหวน...ทั้งตำรวจ  ทั้ง ไทยมุง....เจ้าหน้าที่มูลนิธิ....เดินกันขวักไขว่.....


                              “ เจ้าของบ้าน.ถูกเมียน้อยยิงตาย และตัวเมียน้อยก็ฆ่า ตัวตายตาม...”...เสียงพวกบรรดาไทยมุง...จับกลุ่มคุยกัน..

                              .ผมรู้ก่อนพวกนี้อีก.เพราะ.ตอนยิงกันตายใหม่ๆ...ตำรวจยังมาไม่ถึง...ผมและ คุณหมอได้วิ่งเข้าไปที่เกิดเหตุ..โดยมี ป้า ที่อยู่กับเมียน้อยเสี่ย....เป็นคนพาเข้าไป....เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง ......

                            
                               พอไปเห็น คุณหมอส่ายหน้า....บาดแผลฉกรรจ์...กระสุนปืนเข้าที่หัว..ทั้งสองคน...ตาย สนิทไปแล้ว....คงตายทันทีที่กระสุนปืนเจาะเข้าไป....ช่วยอะไรไม่ได้ !!

                              
                                หลังจากนั้นประมาณ 10 วัน..มีอาซิ้ม แก่ๆ  พร้อมเด็กหนุ่ม..และหญิงสาวอีกหลายคน....ผมชะโงกหน้ามองดู...ผมไม่ได้ สอดรู้สอดเห็นนะ....คงเป็น เมียหลวง และลูกหลานของเสี่ย...เอาธูปมาจุดตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน....พร้อมเอากุญแจมา ล๊อคประตู..รั้วหน้าบ้าน...เด็กที่มาด้วยเอาป้าย...บอกขายบ้านมาติดที่ริม รั้ว.....


                         แปลกไม่มีใครซื้อไปซักที... บ้านหลังนี้กลายเป็นบ้านร้าง ไม่มีคนอยู่..บ้านที่ไม่มีคนอยู่ดูแล...ก็..รกสกปรก...ต้นไม้ต้นหญ้าขึ้นทึบ ....ไม้เลื้อยไต่ขึ้นไปตามตัวบ้าน..ดูน่ากลัว...กลายเป็นจุดเด่นในหมู่บ้าน ...ดีที่ไม่มีวัยรุ่นมามั่วสุม....คงเป็นเพราะหมู่บ้านแถวนี้...มีราคาแพง ...และไม่มีสลัมอยู่ใกล้ๆ...


                                 วันนี้เป็นวันศุกร์..ตรงกับวันพระ...ตามเคยผมจะนอนดึกเพราะวันรุ่งขึ้นเป็น วันหยุดทำงาน..ผมนั่งดูรายการ ที.วี...และทำรายงานที่คั่งค้าง....จนนาฬิกา...ที่ฝาบ้าน ตีบอกเวลา ..ผมเอามือปิดปากเพราะ หาวนอน....เหลือบมองเวลา... เข็มชี้ บอกเวลา ตี 3  ....


                                 ผมเก็บงานที่อยู่บนโต๊ะ...เดินไปปิด ที.วี. และจะเดินไปรูดม่านประตู....ซึ่งทำเป็นประจำก่อนจะเข้านอน.... “ เอ๊ะ.!.เสียงอะไร..”   ผมพูดกับตัวเอง....เงี่ยหูฟัง....เป็นเสียงหอนของ หมาในหมู่บ้าน....ธรรมดาหมามันก็เห่าหอนเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว...แต่คราว นี้มันหอนไล่กันมาเป็นทอดๆ..เหมือนหอนรับใคร บางคนที่เดินผ่าน...

                                  ใครมาเดินทำอะไรตอน ตี 3 เศษๆ...เสียงหอนไล่มาจากด้านหน้าของหมู่บ้าน...ไล่มาเรื่อยๆตามเส้นทางถนน ซึ่งจะต้องผ่านหน้าบ้านผม...ความรู้อยากเห็น...จึงแหวกผ้าม่านมองออกไปที่ ถนนหน้าบ้าน..เพราะเสียงหมาหอนไล่มาจนจะถึงหน้าบ้านแล้ว...!


                          จู่ๆ..เสียงหมาก็หยุด..มาไม่ถึงหน้าบ้านผม...ดันไปหยุดหน้าบ้านที่ติดกับ ผม...จะหลังไหน..ก็หลังที่ เสี่ยโดนเมียน้อยยิงตายและฆ่าตัวตายตาม...ผมอดขนลุกไม่ได้...ความอยากรู้ อยากเห็น..จึงรีบเดินไปชั้นบนของบ้าน...แอบมองจากหน้าต่าง.....หน้าบ้าน เสี่ยไม่เห็นมีใคร...มีแต่ประตูว่างโล่งๆ..

                                  
                                    เห็น มีหมา 4 -5 ตัว  มายืนห่างๆประตูรั้ว..ทั้งหมดทำปากยื่นๆไปข้างหน้าไปทางประตูรั้ว... แล้วยกปากขึ้นแหงนขึ้นฟ้า..หอนอย่างโหยหวน..พร้อมๆกัน.... ..ตั้งแต่ได้ยินเสียงหมาหอนมาก็มาก......ไม่เคยเหมือนเสียงในคืนนี้...มัน เยือกเย็น..ยาวๆยังไงก็ไม่รู้.....เสียวไปถึงขั้วหัวใจ...ขนลุกซ่าไปถึงหนัง หัว...


                                     ซักอึดใจใหญ่ๆ...ผมสะดุ้งโหย่ง ...ไฟฟ้าดวงหนึ่งในบ้านติดพรึบ..ขึ้นมาเหมือมีคนไปเปิด สวิต...แต่ผมยังคิดในทางที่ดีว่า..มีใครไปแอบนอนในบ้านนี้หรือเปล่า???..แต่ เพ่งมองยังไงก็ไม่เห็น..คนอยู่ในบ้าน...


                                       แล้วเสียงสั่นประสาท...ก็เริ่มขึ้น...เสียงช้อนกระทบ จานข้าว..เสียงเปิดน้ำในครัว..เสียงล้างจาน ชาม..ก๊องๆๆแก๊งงๆๆ..กลางคืนเงียบๆอย่างนี้ได้ยินชัดเจน...  เหตุการณ์มัน เหมือนกับตอนที่..ทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่...จนเกือบ 10 นาที..ไฟดับพรึบ...เสียงต่างๆก็เงียบลง...


                                           ผมกะว่า พรุ่งนี้เช้า...จะรีบออกไปดูให้รู้แจ้งว่า....มีใครแอบไปนอนในบ้านหลังนี้ หรือเปล่า?...ขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึง....บริเวณบ้านของเสี่ย..ตำแหน่งอยู่ หัวมุมถนน...จึงไม่มีบ้านหลังไหนติดกับของแก...นอกจากบ้านผมเท่านั้น... เพราะด้านหลังบ้านตลอดแนวเป็นเขตริมของโครงการ...ติดกับที่ของคนอื่น..ขอบ เขตยาวเสมอกับโครงการ..ตลอดแนว....และ.เป็นที่ว่างเพราะเจ้าของปล่อยทิ้งเอา ไว้...
                                          
                                           ผมรีบตื่นแต่เช้า..พกความข้องใจเต็มพิกัด....รีบเดินไปที่รั้วบ้าน..ปราก ฎรั้วเหล็ก ยังมีกุญแจที่เมียหลวงเสี่ยใส่เอาไว้.. ..สภาพกุญแจ..สนิมเขลอะ.... “หรือมีใคร ปีน เข้าไป”..  ....พยายามมองเข้าไปในตัวบ้าน..ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร....พอ ดีมีเพื่อนบ้านแถวนั้นเดิน...มาออกกำลังกาย... จึงได้จับกลุ่มคุยกัน...ทุกคนได้ยินเสียงหมาหอนเหมือนกับผม....แต่เหตุการณ์ แปลกๆในบ้านคนอื่นไม่ได้ยิน...เนื่องจากอยู่ห่างออกไป....
                                        
                                           จนผ่านมาหลายวัน...ผมก็ลืมๆไป...จนถึงวันศุกร์ถัดมา.....เหมือนเดิมเลยครับ ....เวลา ตี 3 เศษๆ...เริ่มตั้งแต่หมาหอนมาหยุดหน้าบ้าน....ไฟเปิด....แล้วก็มีเสียง..จาน เสียง ช้อน..เสียงล้างจานในครัว..ผมกำลังจะเริ่มเป็นโรคประสาท...ดีที่คนในบ้านผม ไม่รู้เรื่องเพราะหลับนอนกันไปก่อน...และก็ไม่อยากเล่าอะไรให้ฟัง..เกรงว่า จะกลัวกัน...

                                           ผมตัดสินใจ..ไปจดเบอร์โทร..จากป้ายที่แกประกาศขาย..ซึ่งติดกับรั้วหน้าบ้าน ..แล้วโทรไปคุยกับ เมียหลวงเสี่ย...อาซ้อ...แกก็บ่นว่าขายไม่ได้ซักที่..ไม่อยากเอาไว้เพราะ อยู่ไกลมาดูแลลำบาก...ผมบอกให้แกควรนิมนต์พระมาสวด..และทำบุญให้กับคนตาย... ส่วนตัวบ้านให้มาทำความสะอาดปรับปรุง..ทาสีใหม่...จะได้ขายได้...

                                          อาซ้อ..ลงมาจัดการตามที่ผมแนะนำ...จนเสร็จเรียบร้อย....หลังจากนั้นไม่นาน ...ผมเห็นมีรถตู้คันใหญ่....แบบพวกคนมีระดับใช้กัน...มาจอดที่หน้าบ้าน.... หลังนี้พอรถจอดสนิทคนขับรถรีบเปิดประตู....แล้ววิ่ง ....มาเปิดประตูด้านข้าง....ด้วยความนอบน้อมลักษณะเปิดให้เจ้านาย...พร้อม กับนำกุญแจไปไขที่ประตูรั้ว..

                                          
                                          คนที่เดินลงมาจากรถ.เป็นชายสูงอายุ  .มองดูก็รู้ว่ามีระดับ..แต่งตัว ภูมิฐาน..ถ้าเป็นข้าราชการผมว่าไม่ต่ำกว่าอธิบดี..อาจเป็นถึงปลัดกระทรวงก็ ได้......เดินตามลงมาอีกคนเป็นผู้หญิง..อายุคงไม่เกิน 20 ปี สวยใสเลยที่เดียว..คงเป็นลูกสาว...คนขับรถไปปลดป้ายประกาศขายออกไป...


                                          สองคนพ่อ-ลูกเดินเข้าไปในบ้าน....ดูนั่นดูนี่....แต่ยังไม่หมดครับ..มี ผู้หญิงแก่หอบของและกระเป๋าเสื้อผ้าลง... จากรถอีก 1 คน...ดูการแต่งตัวก็รู้ว่าเป็นคนใช้...


                                           จนค่ำรถตู้ขับกลับไป...ผมไม่ได้สอดรู้สอดเห็นนะครับ...หญิงสาวกับผู้หญิงแก่ ไม่ได้กลับไปด้วย...วันต่อมาก็เห็นรถขนของพวกเครื่องเรือน....เตียงนอน.. เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ...ทั้งหมดเป็นของใหม่ทั้งนั้น...เอามาส่งที่บ้าน….


                                 และแล้วทุกวันศุกร์..ประมาณ 4 – 5 ทุ่ม..ชายสูงอายุผู้นี้..ก็จะมาค้างที่บ้านหลังนี้ 1 คืนแล้วตอนเช้ามืดก็รีบกลับออกไป....

                                          โธ่..เอ๊ย  !!....นึกว่าลูกสาวที่แท้..เป็นเมียน้อย.....ผมละเบื่อ !!. แล้วประวัติศาสตร์..จะซ้ำรอย..อีกหรือเปล่า ????? …..ผมขี้เกียจสอดรู้สอดเห็นอีกแล้ว....เซ็ง !!!!!!!…

0 comments:

Post a Comment

 

sanookde Copyright © 2009 Girlymagz is Designed by Bie Girl Vector by Ipietoon