Thursday, July 2, 2009

ห้องน้ำนรก

"นายเหมา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกสมัยเป็นช่างก่อสร้าง

สมัย หนุ่มผมเคยเป็นลูกมือช่างก่อสร้าง ส่วนมากเป็นงานระดับเล็กถึงปานกลาง ไม่ใช่ใหญ่โตถึงกับสร้างศูนย์การค้า คอนโดฯ อพาร์ตเมนต์อะไรหรอกครับ แต่เป็นประเภทบ้านชั้นเดียว ขยายห้องครัว ต่อเติมห้องน้ำ ซ่อมสร้างโรงรถใหม่ อะไรทำนองนี้แหละ

ครั้งหนึ่ง พี่หวิงซึ่งเป็นหัวหน้าพวกผมไปรับงานที่ย่านพระโขนง คลองตัน ที่มีทั้งซ่อมหลังคา เปลี่ยนฝ้าเพดานกับรางน้ำแบบจระเข้ กับซ่อมแซมห้องน้ำที่เก่าแก่หลายสิบปีเต็มที

ถึงแม้จะไม่ได้ สร้างบ้านทั้งหลัง แต่งานเยอะครับ จนต้องสร้างเพิงอยู่ชั่วคราวในเขตบ้านของเจ้าของที่ย ้ายไปอยู่ในบ้าน ชั้นเดียวที่เพิ่งปลูกใหม่...ทำให้พวกผมเจอะเจอเรื่อ งราวน่าขนลุกขนพองที่ นั่นโดยไม่คาดฝัน

บ้านหลังนี้เป็นตึกสองชั้น ทาสีเทาทึบทึมชอบกล คุณผู้ชายวัยห้าสิบเศษ หน้าตายิ้มแย้ม อัธยาศัยน่ารัก มีแม่โขงและกับข้าวมาฝากพวกเราบ่อยๆ เล่าให้พี่หวิงฟังว่าปลูกมาตั้งแต่เขาเกิดใหม่ๆ จำความได้ก็วิ่งเล่นอยู่ในบ้านนี้แล้ว อายุคงจะห้าสิบกว่าปีขึ้นไปแน่นอน

เรื่อง สำคัญที่จะเล่าสู่กันฟังก็คือ บ้านหลังนี้แม้จะไม่ใช่บ้านร้าง แต่ก็มีเรื่องน่าขนหัวลุกชอบกลอยู่ ตรงที่ยามค่ำคืนดับไฟมืด ดูมันตั้งทะมึนโดดเด่นอยู่ในต้นไม้ใหญ่น้อยร่มครึ้มด ูเผินๆ เหมือนกับมีชีวิตวิญญาณยังงั้นแหละ เอ้า!

บางทีมองดูแล้วเสียวสันหลังวูบวาบ ขนลุกซ่าขึ้นมาดื้อๆ

ไม่ ใช่อุปาทานไปเองนะครับ เพราะพวกเราได้ยินการเคลื่อนไหว เสียงไอเสียงจาม เสียงพูดคุยพึมพำดังแว่วจากชั้นบนลง เล่นเอามองหน้ากันทำตาปริบๆ

ที่ น่าขนหัวลุกก็คือ คืนหนึ่งเพิ่งกินข้าวเสร็จราวสามทุ่ม ว่าจะเข้านอนเอาแรงกันซะที จู่ๆ ไฟฟ้าชั้นบนก็สว่างพรึ่บขึ้นมา! แหม...พวกเราที่ปลูกเพิงอยู่ห่างจากบ้านนั้นแค่ไม่ถึ งสิบเมตรถึงกับอ้าปาก ค้างไปตามๆ กัน พูดอะไรไม่ออกจนกระทั่งแสงไฟดับวูบไปเอง!

จนกระทั่งวันหนึ่งก็เจอเรื่องขนหัวลุกเข้าอย่างจังอี ก ทั้งที่เป็น กลางวันแสกๆ ด้วยซ้ำ

น้า ยิ่ง-ช่างปูนมือเก๋าของเรากำลังจัดการราดปูนในห้องน้ำ เพื่อจะปูกระเบื้องที่เจ้าของบ้านขนซื้อมาเพียบ ทั้งปูพื้นกับผนังห้อง ลายดอกไม้แสนสวยเย็นตาตามประสาคนมีเงินที่อยากได้อะไ รก็เอาเงินซื้อหาได้ตาม ใจชอบ

ผมกับพี่เชิดช่วยกันผสมปูนฉาบโรงรถ ต่อจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของพี่เชิดเพราะผมยังมือไม่ถ ึงเลยถือโอกาสล้างมือ ออกมานั่งพักกับพี่หวิงที่ทำท่าระโหยระเ่ย...สาเหตุม าจากเมื่อคืนแกไป เที่ยวคาเฟ่กับเพื่อนฝูงที่พระโขนง...กว่าจะกลับก็ปา เข้าไปตี 2 ตี 3 นั่นแน่ะ

อ้าว? น้ายิ่งเดินตุปัดตุเป๋เข้ามาสมทบ พี่หวิงถามว่าปูกระเบื้องเสร็จแล้วเรอะ? น้ายิ่งก็โบกมือไปมา หน้าตาซีดเซียว เอนหลังลงนอนบนแผ่นกระดาน หายใจแขม่วๆ ทำท่าว่าจะสิ้นเรี่ยวแรงเหมือนพี่หวิงไปอีกคน

หัวหน้าผมคว้ากระติกโอ เลี้ยงมาดูด ไม่เซ้าซี้ให้รำคาญใจ...จนกระทั่งตกบ่ายหลังอาหารกลา งวัน พี่หวิงนึกยังไงไม่รู้ เดินเข้าไปดูผลงานในห้องน้ำ ครู่เดียวก็กลับมาเอะอะโวย วายว่าทำไมไม่ปูกระเบื้องตอนที่เพิ่งราดปูนเสร็จใหม่ ๆ เสือกทิ้งไว้จนต้องมาปูแบบ "ซาลาเปา" ให้เสียเวลาทำไม?

น้ายิ่ง กระเดือกน้ำลายเอื๊อก พึมพำอ่อยๆ ว่า...จะเป็นลมน่ะ ทำไม่ไหว! คราวนี้พี่หวิงพยักหน้าอย่างเห็นใจ หันมาสั่งผมให้ไปปูกระเบื้องต่อให้เสร็จๆ ไป จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเพราะเป็นงานเหมา ผมก็จัดการผสมปูนใส่กระป๋องหิ้วไปที่ห้องน้ำชั้นล่าง ไม่ชักช้า

ปูน หมาดจนเกือบแห้งแล้วครับ ต้องปูกระเบื้องแบบซาลาเปา-คือเอาปูนมาแปะใต้กระเบื้องแล้ววางเรียงให้เรียบ ร้อย...ดูๆ ก็น่าจะง่าย แต่ของใช้ต้องใช้ฝีมือตามสมควรที่จะไม่ทำให้สะเปะสะป ะจนบิดเบี้ยวไปง่ายๆ

ทัน ใดนั้นเอง อากาศก็เย็นวูบลงอย่างกะทันหัน ผมขนลุกซู่ซ่าแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะตอนนั้นหน้าหนาวพอดี ตั้งอกตั้งใจวัดระยะปูกระเบื้องแถวที่สองให้วางเรียง เคียงกัน...ขณะที่กลิ่น เหม็นอับๆ แผ่ซ่านไปทั้งห้อง...ดูเหมือนจะมาจากอ่างน้ำข้างฝาใก ล้ๆ นั่นแหละครับ

กลิ่นเหม็นร้ายกาจขึ้นทุกทีจนผมอดรนทนไม่ไหว ต้องลุกไปมองที่อ่างน้ำให้แน่ใจว่ามีอะไรอยู่นั่น... แต่แล้วก็แทบจะช็อกคา ที่อยู่ตรงนั้นเอง

ผู้หญิงผมยาวเปียกโชกไปด้วยเลือดสดๆ แดงเถือก นอนหงายตาเหลือกโพลงอยู่ในอ่างที่มีแต่น้ำเลือดแดงฉา นครึ่งค่อนอ่าง...ผม ร้องเฮ้ย! เผ่นกระเจิงออกมาจากห้องน้ำอุบาทว์นั่นไม่คิดชีวิต.. .เพิ่งเข้าใจแจ่มแจ้ง ตอนนี้เองว่าทำไมน้ายิ่งถึงได้ซมซานออกมา

ได้ความว่าญาติห่างๆ ของคุณผู้ชายแกมาเชือดข้อมือจนเลือดไหลตายเพราะอกหัก ตั้งหลายปี

แล้ว...แต่เพิ่งจะมาสำแดงเดชเพราะพวกเราเป็นคนแปลกหน ้านั่นเอง! บรื๋ออออ...


0 comments:

Post a Comment

 

sanookde Copyright © 2009 Girlymagz is Designed by Bie Girl Vector by Ipietoon