Tuesday, July 14, 2009

หมีแพนด้า สัตว์ที่กำลังสูญพันธุ์!


หมีแพนด้า(Giant panda)ซึ่งเป็นสัตว์ในสปีซี่ Ailuropoda อยู่ในไฟลั่ม Chordata และวงศ์ Ailuropodae ส่วนการจะจัดมันให้เป็นสัตว์ในจำพวกของหมีหรือแรคคูนขณะนี้ก็ยังเป็นที่ถก เถียงกันอยู่ สัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์ป่าสงวนซึ่งมีในประเทศจีนเพียงแห่งเดียวในโลก ปัจจุบันกำลังมีจำนวนลดน้อยลงจนกลายเป็นสัตว์ป่าหายาก มันเป็นสัตว์ประเภทหนึ่งในจำนวนไม่กี่ประเภทที่ไม่ค่อยได้มีผู้เห็นตัวจริง นัก เนื่องจากถิ่นที่อยู่อันเป็นป่าลึกและมีจำนวนอันน้อยนิด


ถึงเรื่องราวของแพนด้าจะปรากฎอยู่ในหลักฐานทางประวัติ ศาสตร์ของชาวจีนมากว่า 2,000 ปีแล้วก็ตาม แต่กว่าชาวโลกได้รู้จักมันเป็นครั้งแรกก็ต้องรอจนถึงปี พ.ศ.2412 โดยผ่านทางปากคำและบันทึกการสำรวจของฌ็อง ปิแอร์ อาร์มังด์ ดาวิด(มีชีวิตอยู่ในระหว่าง พ.ศ.2369 ถึง พ.ศ.2443)บาทหลวงนิกายเจซูอิดชาวฝรั่งเศส ผู้เดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อชักนำให้ผู้คนหันมานับถือศาสนาคริสต์นิกาย โรมัน คาธอลิค แต่ด้วยความสนใจในความเป็นไปของธรรมชาติอันหลากหลายได้ทำให้ท่านได้สนใจ ศึกษาเรื่องพันธุ์ไม้และพันธุ์สัตว์ป่าควบคู่ไปกับการสอนศาสนาด้วย


กระนั้น สิ่งที่ดาวิดได้เห็นก็หาใช่หมีแพนด้าที่มีชีวิตไม่ มันเป็นเพียงหนังหมีแพนด้าที่พรานชาวจีนนำมาให้ หลังจากดาวิดได้ศึกษาแล้วเขาก็ส่งต่อมาเก็บรักษาเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่ง ธรรมชาติวิทยาในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส ชาวตะวันตกคนแรกที่ได้เฝ้าสังเกตหมีแพนด้าอย่างมีชีวิตคือนักสัตววิทยาชาว เยอรมันชื่อว่าฮูโก้ ไวโกลด์ สมาชิกคนหนึ่งของคณะสำรวจชโตตซเนอร์ซึ่งเดินทางไปยังดินแดนของจีนและธิเบตใน ปี พ.ศ.2459 เขาและผู้ช่วยคือบุคคลกลุ่มแรกๆของโลกที่พยายามจะเลี้ยงแพนด้าเพื่อศึกษาให้ ได้ แต่ด้วยความละเอียดอ่อนทั้งในเรื่องอาหารการกินและการอยู่อาศัยของหมีเอง ทำให้ความพยายามของไวโกลด์ไม่สัมฤทธิ์ผลเพราะหมีชนิดนี้ไม่รอดชีวิตได้ในที่ กักขังที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากที่ที่มันเคยอยู่แต่ก่อน


ทั้งๆที่แพนด้าเป็นสัตว์รักสงบและไม่เป็นภัยต่อใครๆเลย ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของธีโอดอร์ จูเนียร์ และเคอร์มิตบุตรชายของธีโอดอร์ รูเซเวลท์ประธานาธิบดีสหรัฐฯทำให้พี่น้องคู่นี้เป็นมนุษย์ชาวตะวันตกคู่แรก ที่ได้ล่าและสังหารหมีแพนด้าในการออกป่าล่าสัตว์ในแถบตะวันตกของประเทศจีน ซึ่งสนับสนุนการเดินทางโดยพิพิธภัณฑ์สัตว์ป่าแห่งชิคาโก(Chicago’s Field Museum) และได้นำซากของมันมาสตัฟฟ์เพื่อตั้งแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ด้วย


แม้จะมีผู้รู้และเห็นแล้วว่ามีหมีแพนด้าอยู่จริงในโลกและมีในประเทศจีนเพียง แห่งเดียว แต่ชาวโลกส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีใครเลยที่เคยเห็นสัตว์ป่าอันแสนสวยงามน่ารักนี้ ในสถานที่นอกเหนือจากบ้านเกิดของมัน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2480 หลังจากที่ชาวตะวันตกได้ค้นพบหมีแพนด้ามาแล้ว 37 ปี รูธ ฮาร์คเนสส์ สตรีชาวอเมริกันก็คือผู้ที่สามารถจับหมีแพนด้าได้อย่างเป็นๆเป็นครั้งแรก แต่กว่าจะถึงคราวของรูธได้ชาวตะวันตกได้เดินทางไปยังถิ่นที่อยู่ของหมีชนิด นี้และพยายามจะเก็บตัวอย่างมาให้ได้ถึง 12 ครั้งโดยไม่สัมฤทธิ์ผล


ตั้งแต่ครั้งแรกๆแล้วที่ชาวตะวันตกได้ค้นพบหมีแพนด้า สาธารณชนก็มีความต้องการที่จะได้เห็นพวกมันในสวนสัตว์บ้าง เมื่อข่าวคราวของหมีชนิดนี้ได้ล่วงรู้ถึงหูของวิลเลี่ยม ฮาร์คเนสส์เศรษฐีนักล่องไพรชาวนิวยอร์คซึ่งเคยจับมังกรโคโมโดได้ในหมู่เกาะ ดัทช์ อีสท์ อินดีสมาส่งสวนสัตว์นิว ยอร์ค บร็องซ์ก็มีความต้องการจะนำหมีแพนด้าจากจีนมาเลี้ยงไว้ในสวนสัตว์ของประเทศ ตัวเองบ้าง


เขาแต่งงานกับนักออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชื่อรูธ แม็คคอมบ์สเมื่อปี พ.ศ.2477 แต่หลังจากแต่งงานได้เพียง 2 สัปดาห์ วิลเลี่ยม ฮาร์คเนสส์ก็ทิ้งภรรยาไว้ที่สหรัฐฯเพื่อเดินทางไปค้นหาหมีแพนด้ายังประเทศ จีนตามแผนการณ์ที่ได้วางเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว แต่บังเอิญโชคไม่ดีที่เขาต้องมา เสียชีวิตเสียก่อนในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2479 โดยที่แผนการนั้นยังไม่สำเร็จ


ในช่วงเวลาไม่กี่วันหลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของสามี รูธ ฮาร์คเนสส์ก็ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะทำให้ความฝันของเขาให้เป็นจริงให้ ได้ เธอเดินทางด้วยเรือจากนิวยอร์คมายังซีลอน(ศรีลังกา),สิงคโปร์และฮ่องกงตาม ลำดับก่อนที่จะถึงเซี่ยงไฮ้อันเป็นจุดหมายปลายทาง จากที่นี่รูธได้รวบรวมคณะสำรวจเดิมของสามีที่ยังเหลืออยู่ที่นี่เพื่อออก สำรวจป่าในแถบที่เชื่อว่าน่าจะมีหมีแพนด้าอาศัยอยู่ คณะได้เดินทางขึ้นไปตามแม่น้ำแยงซีถึง 2,400 ก.ม. แล้วต่อจากนั้นยังต้องเดินเท้าต่ออีก 480 ก.ม.ไปตามเส้นทางอันธุรกันดารเต็มไปด้วยหุบผาและขุนเขามากมาย จนกระทั่งในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2479 รูธและคณะสำรวจก็ได้พบลูกหมีแพนด้าที่ยังไม่ลืมตา ด้วยความเข้าใจผิดเนื่องจากอวัยวะเพศของหมียังไม่เด่นชัดนัก มันจึงได้ชื่อว่าซู-หลินและถูกเข้าใจว่าเป็นเพศเมียทั้งๆที่เป็นเพศผู้


ซู-หลิน หมีแพนด้าซึ่งถูกเลี้ยงดูในสวนสัตว์เป็นตัวแรกของโลกได้ใช้ชีวิตในสวนสัตว์ ต่อมาอีกเพียง 2 ปี มันตายลงเพราะกิ่งไม้ติดคอ หลังการเสียชีวิตของมันแล้วนี่เองที่นักวิทยาศาสตร์ได้ชันสูตรศพอย่าง ละเอียด และได้ทราบว่าที่แท้ซู-หลินคือแพนด้าเพศผู้หลังจากที่เข้าใจว่าเป็นเพศเมีย มาเป็นเวลานาน ส่วนรูธซึ่งเป็นผู้นำหมีชนิดนี้ออกมาเลี้ยงในสวนสัตว์ได้เป็นคนแรกของโลกก็ ไม่มีรายได้ใดๆนอกจากการเขียนหนังสือเล่าเรื่องการผจญภัยของเธอและการค้นพบ หมีแพนด้าชื่อว่า “The Lady and The Panda”


ประเทศจีนคือที่บริเวณเดียวในโลกเท่านั้นที่หมีแพนด้า สามารถยังชีพอยู่ได้ตามธรรมชาติ มันใช้ชีวิตอยู่ตามเทือกเขาแถบตอนกลางของประเทศ อันเป็นบริเวณที่มีใบไผ่สำหรับเป็นอาหารอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ และจะไม่ค่อยย้ายที่ไปหากินในแถบอื่นไกลจากถิ่นที่เกิด จึงเป็นไปได้ว่าหากเมื่อใดที่ใบไผ่ชนิดที่เป็นอาหารของมันต้องหมดไป หมีแพนด้าในบริเวณนั้นก็อาจสูญพันธุ์ไปด้วย


ลักษณะขนอันอ่อนนุ่มและสีที่ตัดกันกันอย่างเด่นชัดสวย งามนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนหลงรักในความน่าเอ็นดูของสัตว์ชนิดนี้เพียงอย่างเดียว ความน่ารักของมันยังเป็นเป้าหมายของมนุษย์ผู้เห็นแก่ได้ซึ่งต้องการนำมันมา ขายอีกด้วย หมีแพนด้าเป็นๆมีราคาสูงถึง 112,000 เหรียญ (ประมาณสี่ล้านห้าแสนบาท)ในตลาดมืดค้าสัตว์ป่าหายาก แม้แต่หนังของมันก็ยังมีราคาสูงลิบลิ่วถึง 10,000 เหรียญ(ประมาณสี่แสนบาท) ซึ่งนับว่าเป็นราคาอันเย้ายวนใจให้นักค้าสัตว์ป่ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ ตัวหมีชนิดนี้ การบุกรุกป่าเพื่อถากถางเป็นที่ทำกินของมนุษย์ และการลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วของต้นไผ่อันเป็นอาหารของหมีชนิดนี้คือปัจจัย หนึ่งในหลายๆปัจจัยที่ทำให้หมีแพนด้าลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนเกือบสูญพันธุ์


ความน่ารักและไม่มีอันตรายอันเป็นภาพลักษณ์ของสัตว์ป่า ใจดีของมัน ได้ก่อให้เกิดธุรกิจอันเกี่ยวกับหมีชนิดนี้มากมายและทำรายได้ให้มนุษย์ อย่างมหาศาล ร้านจำหน่ายของเด็กเล่นหลายร้านในอังกฤษสามารถขายตุ๊กตาหมีแพนด้าได้ถึงปีละ 30,000 ตัว ส่วนรายได้รวมจากการจำหน่ายของเล่นที่ทำเป็นรูปจำลองหมีแพนด้าทั่วโลกก็มี ปริมาณสูงถึงปีละ 1,640,000 (ประมาณหกสิบห้าล้านบาท) แม้สินค้าที่ใช้ทั้งชื่อและรูปร่างหน้าตาของมันจะ ขายดี แต่หมีแพนด้าจริงๆก็มีจำนวนหลงเหลืออยู่ในป่าไม่ถึง 1,000 ตัว ที่น่าเศร้าใจก็คือมนุษย์ใช้เงินเพื่อปกป้องหมีชนิดนี้ไม่ให้สูญพันธุ์ไป เพียง 1 ใน 10 เท่านั้นเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่ใช้ซื้อของเล่นจำลองตัวของมัน

ที่มา:www.pak-soi.com/
............................................................

0 comments:

Post a Comment

 

sanookde Copyright © 2009 Girlymagz is Designed by Bie Girl Vector by Ipietoon