Tuesday, June 30, 2009

เหตุเกิดที่ทุ่งศาลาแดง

เหตุเกิดที่ทุ่งศาลาแดง
  ในฉบับก่อน พาคุณๆ เจาะเวลาไปเที่ยว ทุ่งพระเมรุ กันมาแล้ว ฉบับนี้จะชวนไปสถานพักผ่อนหย่อนใจเก่าแก่ของคนกรุงเทพฯ อีกแห่ง ที่ ทุ่งศาลาแดง สถานที่แห่งนี้กำเนิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ด้วยเหตุผลที่เก๋ทีเดียว แสดงถึงความทันสมัยขององค์ผู้ให้กำเนิด
ท่องเที่ยว , เหตุเกิดที่ทุ่งศาลาแดง , สวนลุมพินี
สวนลุมพินีในปัจจุบัน
  ตอนนั้นเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นทั่วโลก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
  จึงทรงมีพระราชดำริจะจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศ ด้วยพระราชประสงค์จะเปิดหูเปิดตาประชาชนให้ได้เห็นสินค้าต่างๆ ที่ตนอาจจะทำเองได้บ้าง และโชว์สินค้าไทยให้ชาวต่างประเทศได้เห็น เมื่อมีการซื้อขายกันก็จะทำให้เกิดกระแสการเงินหมุนเวียน ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
  สถานที่จัดงานจะต้องเป็นสถานที่กว้างขวาง ตอนนั้นรัฐบาลก็ไม่มีเงินจะซื้อ จึงพระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ที่ ทุ่งศาลาแดง ประมาณ 336 ไร่ ให้เป็นสมบัติของชาติ เพื่อจัดงานนี้ในฤดูหนาวปี 2468 เรียกว่า  งานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์  ทั้งยังเป็นการเฉลิมฉลองที่ทรงครองราชย์มาครบ 15 ปีเท่ารัชกาลที่ 2 ด้วย พระราชทานนามสถานที่แห่งนี้ว่า  สวนลุมพินี  ตามชื่อ อุทยานลุมพินี  สถานที่ประสูติพระพุทธองค์
อีกทั้งยังทรงมีพระราชประสงค์ว่า เมื่อเสร็จงานนี้แล้ว สถานที่นี้จะเป็นอุทยานที่สวยงามแห่งหนึ่งของพระนคร เป็นรมณียสถานสำหรับประชาชนเตร็ดเตร่หย่อนใจในยามว่าง ขณะที่การเตรียมงานต่างๆ ดำเนินไปด้วยดี มีการขุดสระน้ำขนาดใหญ่นำดินขึ้นถมที่ มีเกาะลอยอยู่กลางน้ำ บนเกาะก็ปลูกพันธุ์ไม้พื้นเมืองจากทุกภาคของประเทศ ร้านค้าของทางราชการและเอกชนก็ใกล้เสร็จ
 รวมทั้งวางรางรถรางจากถนนเจริญกรุง เลียบคลองสีลมผ่านสวนลุมพินีไปสุดที่ประตูน้ำ อำนวยความสะดวกแก่ผู้มาชมงาน แต่แล้วประชาชนชาวไทยก็หัวใจสลาย
เมื่อองค์ผู้ให้กำเนิดสวนลุมพินีได้เสด็จสวรรคตในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2468 ความห่อเหี่ยวหัวใจทำให้ งานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์ ที่มีกำหนดเปิดในวันที่ 1 มกราคมนั้น ต้องล่มสลายลงไม่มีโอกาสได้เปิด
ท่องเที่ยว , เหตุเกิดที่ทุ่งศาลาแดง , สวนลุมพินี
ขบวนรถรางที่มีให้บริการในสมัยนั้น
เมื่อสิ่งก่อสร้างสำหรับงานถูกรื้อถอนออกไป สวนลุมพินีถูกทิ้งให้เป็นพงรก จนในปี 2472  นายพลตำรวจตรีพระยาคทาธรสีหราชบาลเมือง (เทียบ อัศวรักษ์) อดีตจเรตำรวจ ข้าราชบริพารใกล้ชิด ร.6 ก็ขอเช่าพื้นที่ 90 ไร่จากกรมโยธาเทศบาล จัดทำเป็นสวนสนุก เริ่มตั้งแต่หัวค่ำไปจนดึก
ท่องเที่ยว , เหตุเกิดที่ทุ่งศาลาแดง , สวนลุมพินี
บรรยากาศของการจราจรในสมัยนั้น
มีเครื่องเล่นต่างๆ เช่น ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ลานสเก็ต มีการพนันประเภท 2 ที่ยังไม่ต้องห้ามในยุคนั้น เช่น บิงโก ยิงเป้า ตกเบ็ด ฯลฯ มีโรงละครและหนังกลางแปลงที่ขับรถเข้าไปจอดดูได้แบบ Drive in ของฝรั่ง
มีโรงเต้นรำชื่อ บลูฮอลล์ สั่งโชว์และนักดนตรีจากต่างประเทศมาแสดง บางวันก็มีการแข่งขันชกมวยและฟุตบอล สั่งทีมต่างประเทศมาแข่งกับทีมไทย โดยเก็บค่าผ่านประตูสวนสนุก 10 สตางค์ ค่าเข้าชมฟุตบอล 25 สตางค์
  แต่เปิดอยู่ได้ไม่นาน สวนลุมพินีก็ถูกทิ้งให้ร้างอีกครั้ง จนเป็นที่เกิดฆาตกรรมขึ้นบ่อยๆ ในปี 2478  ม.ล.กรี เดชาติวงศ์ นายช่างชั้น1กองช่างนคราธร จึงเข้าปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะ
ติดต่อ นายโอวบุ้นโฮ้ว เศรษฐีใหญ่ของสิงคโปร์ให้ช่วยสร้างสนามกีฬาสำหรับเด็กขึ้น และจัดตั้งสวนเพาะชำขยายพันธุ์ไม้สำหรับตกแต่งกรุงเทพฯ
จากนั้นสวนลุมพินีก็เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนตลอดมา และเป็นที่จัดงานระดับชาติเช่นงานฉลองรัฐธรรมนูญ ประกวดนางสาวไทย มีการวางรางรถไฟเล็กพาผู้โดยสารชมรอบบริเวณงาน
รวมทั้งเป็นที่จัดงานลอยกระทง งานวันเด็ก และจัดรายการโชว์จากต่างประเทศ ซึ่งวงดนตรีซาเวียร์ คูกัต ขณะกำลังโด่งดังก็เคยมาเปิดแสดงกลางแจ้งที่สวนลุมฯ
ท่องเที่ยว , เหตุเกิดที่ทุ่งศาลาแดง , สวนลุมพินี
 มีเวทีลีลาศสำหรับจัดงานบอลล์ และมีรายการให้ประชาชนซ้อมเท้าสัปดาห์ละครั้ง ซึ่ง ครูเอื้อ สุนทรสนาน หรือ  สุนทราภรณ์ขุนพลเพลงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ผู้เป็นเจ้าเวทีนี้ ก็ยังมีอนุสาวรีย์อยู่หน้าอาคารลีลาศสวนลุมพินีในปัจจุบัน
ยามแดดร่มลมตก สวนลุมพินี จะคึกคักด้วยผู้คนมารับลมเย็น โดยเฉพาะบริเวณริมสระน้ำจะมีเสื่อและเตียงผ้าใบให้เช่า ตอนหลังมีพัฒนาเป็นแบบนอนได้ 2 คน แนบชิดได้บรรยากาศยิ่งขึ้น ส่วนอาหารว่างที่ขึ้นหน้าขึ้นตาก็เช่นเดียวกับสนามหลวง คือปลาหมึกย่าง เมี่ยงคำ และส้มตำ
แต่ก่อนริมสระน้ำด้านถนนวิทยุ จะมีร้านอาหารดังชื่อ  ศรีไทยเดิม ลูกค้าที่ขับรถมามักจะไม่เข้านั่งในร้าน เสยหัวรถเข้าริมสระ
ฝั่งตรงข้ามถนนของร้าน จะมีบริการอาหารเครื่องดื่มถึงรถ โดยมีถาดติดขาเสียบเข้าที่ประตูรถเปิดกระจกแทนโต๊ะ ปัจจุบันร้านศรีไทยเดิมก็ยังอยู่ แต่ถูกย้ายไปชิดรั้วด้านถนนพระราม 4 เปิดขายตั้งแต่ 04.30 น.ถึง 10.00 น.บริการผู้มาออกกำลังกายตอนเช้า
สวนลุมฯ
ท่องเที่ยว , เหตุเกิดที่ทุ่งศาลาแดง , สวนลุมพินี
รูปนางกินรีครึ่งตัวเชิดหน้าเป็นหัวเรือกลายเป็นที่วิพากวิจารณ์กันมากในขณะนั้น
เคยมีภัตตาคารที่โด่งดังสนั่นเมืองอีกแห่งหนึ่ง เป็นภัตตาคารอาหารจีนขนาดใหญ่ สร้างเป็นรูปเรืออยู่กลางน้ำใกล้เกาะลอย แม้จะมีสะพานสั้นๆ เชื่อมกับฝั่ง แต่ทางภัตตาคารก็มีบริการรับส่งทางเรือ นัยว่าให้ได้บรรยากาศเหมือนภัตตาคารที่อ่าวอาเบอร์ดีนในฮ่องกง แต่ที่โด่งดังกว่าไอเดียนี้ก็คือศิลปะที่ใช้ตกแต่ง
  ภัตตาคารนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า  Peninsula  แต่ชื่อภาษาไทยคือ  กินรีนาวา จึงทำเป็นรูปนางกินรีครึ่งตัวเชิดหน้าเป็นหัวเรือ ที่ดังก็เพราะนางกินรีไม่ได้เชิดแค่หน้า แต่ยื่นถัน 2 เต้าเปลือยเปล่าให้เป็นจุดสะดุดตา
 เลยเกิดข้อวิจารณ์กันทั้งเมือง และเป็นข่าวพาดหัว นสพ.อยู่หลายวัน ว่าเป็นศิลปะหรืออนาจารกันแน่ บางคนก็ตั้งฉายาว่า ‘ภัตตาคารจ้ำบ๊ะ’
  เมื่อเป็นข่าวเกรียวกราว ภัตตาคารก็เอาผ้ามาคลุมถันไว้กันอุจาด แต่ก็เป็นผ้าบางมองได้ทะลุปรุโปร่ง เสียงเรียกร้องจึงให้รื้อออกสถานเดียว แต่ก็ไม่สามารถบังคับภัตตาคารได้ เพราะคณะเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพฯ ได้เซ็นสัญญาให้บริษัทประสิทธิ์สิน จำกัด เจ้าของคิงส์โฮเตล เช่าที่เดือนละ 6,000 บาทตั้งแต่ปี 2504 เป็นเวลา 20 ปี ทั้งอนุมัติรูปนางกินรีแอ่นอกที่หัวเรือไว้แล้วด้วย
นอกจากนี้ ‘กินรีนาวา’ ยังถูกโจมตีว่าเป็นต้นเหตุทำให้น้ำในสระสวนลุมฯ เน่าส่งกลิ่นเหม็น เพราะเทเศษอาหารลงน้ำ นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล เขียนลงใน นสพ.ว่าขับรถผ่านสวนลุมฯ ก็ได้กลิ่นแล้ว และส่งกลิ่นไปรบกวนคนไข้ถึงใน ร.พ.จุฬาฯ
  ภัตตาคารก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นต้นเหตุ แต่แล้วปัญญาที่สะสางกันไม่ออกนี้ก็ยุติลงได้ราวปาฏิหาริย์ เมื่อไฟไหม้กินรีนาวาวอดไปทั้งลำ โดยต้นเพลิงเกิดจากห้องครัวของภัตตาคารเอง ภัตตาคารแบบอาเบอร์ดีนและกินรีจ้ำบ๊ะ จึงเหลือเป็นเพียงตำนานหนึ่งของสวนลุมพินี
ท่องเที่ยว , เหตุเกิดที่ทุ่งศาลาแดง , สวนลุมพินี
การโฆษณาของร้านPeninsula ชื่อภาษาไทยคือ กินรีนาวา
ปัจจุบันถ้าพูดถึงสวนลุมพินี คนจะนึกถึงการออกกำลังกายเป็นอันดับแรก สวนลุมฯได้กลายเป็นสวนสุขภาพอย่างแท้จริง ห้ามรถเข้า ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามขายอาหาร มีแต่ซุ้มเครื่องดื่มและของว่าง เปิดตั้งแต่ 04.30 น.ถึง 21.00 น. มีคนไปพักผ่อนนอนเล่นและออกกำลังกายกันทั้งวัน
  วันก่อนมีโอกาสไปรำลึกความหลังในสวนลุมฯ (ไปคนเดียว) เสื่อให้เช่ายังมีอยู่ แต่เก้าอี้ผ้าใบ ปลาหมึกย่างและเมี่ยงคำไม่มีแล้ว นึกเสียดายบรรยากาศที่เคยประทับใจ นอนเคี้ยวปลาหมึกย่างบนเตียงผ้าใบคู่กับคนถูกใจ กลิ่นปลาหมึกย่างเคล้ากลิ่นน้ำหอมของคนข้างกาย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ กลิ่น รส บรรยากาศแบบนี้ หาที่ไหนไม่ได้จริงๆ นอกจากสวนลุมฯในยุคนั้น
เรื่องเก่าเล่าสนุก...โรม บุนนาค
สนับสนุนข้อมูลจาก
ALL MAGAZINE
All Magazine

0 comments:

Post a Comment

 

sanookde Copyright © 2009 Girlymagz is Designed by Bie Girl Vector by Ipietoon